หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าจอมเก๋าทีมชาติอุรุกวัยของ อินเตอร์ ไมอามี่ เอ่ยปากเพื่อย้อนรำลึกความหลังว่า “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ได้ทาบทามเขาให้ย้ายไปร่วมทีมในช่วงก่อนศึกฟุตบอลโลก 2014
โดยตอนนั้น หลุยส์ ซัวเรซ ได้สร้างชื่อจากการยิงประตูให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้แบบถล่มทลาย ทำให้ เรอัล มาดริด พร้อมตัดสินใจขาย คาริม เบนเซม่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสให้ย้ายไปซบ อาร์เซนอล เพื่อเปิดทางให้กองหน้าชาวอุรุกวัยได้ย้ายมายืนล่าตาข่ายแทนเสียเลย
แต่ เรอัล มาดริด ได้ตัดสินใจล้มเลิกแผนการเซ็นสัญญากับ ซัวเรซ ซึ่งได้ก่อเหตุกัดแขนของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ อดีตกองหลังทีมชาติอิตาลีในศึกฟุตบอลโลก 2014 นั่นเอง ทำให้ ฟีฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ตัดสินใจลงโทษแบนยาวจากข้อหาประพฤติตัวไม่เหมาะสมถึง 4 เดือนเลยด้วย
นอกจากนี้ดาวเตะวัย 36 ปีเปิดเผยด้วยว่า “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ได้ทาบทามเขาแบบต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เนื่องจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของ บาร์ซ่า ในตอนนั้นอยากจะดึงตัวมาเพื่อช่วยยืนล่าตาข่ายเป็นอย่างมาก
ทำให้ ซัวเรซ ยังคงรู้สึกขอบคุณ บาร์เซโลน่า มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่ได้ทอดทิ้งเขาในช่วงระหว่างที่ติดโทษแบน และไม่เคยล้มเลิกการเซ็นสัญญากับเขาเลยด้วย แถมยังรีบเดินเรื่องเจรจาเพื่อดึงตัวเขามาร่วมทีมให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ช่วงก่อนฟุตบอลโลกปี 2014 เรอัล มาดริด ต้องการตัวผม เพราะพวกเขาต้องการขาย เบนเซม่า ให้กับ อาร์เซน่อล ขณะที่ บาร์เซโลน่า สนใจผมอยู่ด้วยเช่นกัน และ หลุยส์ เอ็นริเก้ พร้อมผลักดันแบบเต็มที่ด้วย” ซัวเรซ กล่าว
“แม้จะเกิดเรื่องในศึกฟุตบอลโลก และทำให้ผมติดโทษแบนหลายเดือน แต่ไม่ได้ทำให้ บาร์เซโลน่า ล้มเลิกการเซ็นสัญญากับผม ผมจึงรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนั้นเสมอ”