สรรวัชญ์ เดชมิตร กองกลางคนสำคัญ ทีมชาติไทย เปิดเผยว่า รู้สึกดีที่ภายในทีม มีการแข่งขันกันสูงขึ้น จากการได้ 4 ผู้เล่นต่างแดนกลับมา ระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนลุยเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างวันที่ 5 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์นี้
สรรวัชญ์ เดชมิตร กองกลาง วัย 29 ปี ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ในชิงแชมป์อาเซียน ที่ผ่านมา แม้ไม่สามารถช่วย ช้างศึก คว้าแชมป์มาครองได้ แต่ สรรวัชญ์ ก็เป็นผู้ทำแอสซิสต์สูงสุดตลอดทัวร์นาเมนต์ ด้วยผลงาน 4 ครั้ง และ เป็นผู้เล่นไทยเพียงรายเดียว ที่ถูกฝ่ายจัดการแข่งขันเลือกติดทีมยอดเยี่ยม
“ดีใจครับ ที่ตอนนี้ทุกคนยอมรับในตัวผมมากขึ้น แต่ก็ผิดหวังกับตัวเองเหมือนกันครับ ที่ไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์อาเซียนมาครองได้ แน่นอนว่า ถ้าแลกได้ ผมอยากได้แชมป์มากกว่า แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เราจะมาจมปลักไม่ได้ เพราะหลังจากนี้ยังมีรายการสำคัญอย่าง เอเชียนคัพ รออยู่”
“ตอนนี้ทุกคน พยายามปรับตัวเข้าหากันหมดครับ การได้ 4 คนนั้น (ธีรศิลป์ แดงดา , ธีราทร บุญมาทัน , ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์) กลับมา ไม่มีใครปฏิเสธว่า มันเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่ฟุตบอลมันเล่น 11 คน ผมไม่อยากให้ใครคิดว่า เราต้องพึ่งพี่มุ้ย , เจ หรือ อุ้ม กลับกัน ผมอยากให้เราโฟกัสว่า ทำยังไง เราจะผสมผสานกับได้ลงตัวที่สุดมากกว่า ถ้าเรามีทีมเวิร์คที่ดี ผมเชื่อว่า เราก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆทีมหนึ่ง”
“ผมเข้าใจครับ ที่หลายคนบอกว่า เมื่อ เจ กลับมา ก็ต้องได้เล่นอยู่แล้ว ใครจะคิดแบบนั้น ก็คิดไปครับ แต่ที่ผ่านมา ผมก็เคยลงเล่นพร้อมกับ เจ มาแล้ว อีกอย่าง ถ้าถามผมว่ากังวลมั้ย ไม่เลยครับ เพราะ ส่วนตัวผมชอบมากๆ ที่ภายในทีมมีการแข่งขันกันสูงขึ้น และ ในฐานะนักฟุตบอล มันดีเสียอีก ที่ทำให้โค้ชปวดหัวได้ ดังนั้น ผมรู้สึกสนุกไปกับมันมากกว่า และ ผมก็เชื่อว่าทุกคนก็รู้สึกแบบนั้น ที่สำคัญ ไม่ว่าใครจะได้เล่นหรือไม่ได้เล่น แต่อย่างน้อย เรามาที่นี่ เพื่อคอยสนับสนุนกันอยู่แล้ว”
“พอเราพลาดแชมป์อาเซียน หลายคนก็อาจคิดว่า มาถึงเอเชียนคัพ ยังไงเราก็ตกรอบ ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ กลับกัน มันเป็นแรงผลักดันมากกว่า และ เราจะได้ไม่ต้องกดดันมากด้วย เอาเป็นว่า เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ แพ้ หรือ ชนะ ผมไม่รู้ แต่เราเต็มที่แน่นอน และ รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในรายการใหญ่สุดแห่งทวีปครั้งนี้”
“ปีใหม่นี้ ก็ไม่รู้จะให้อะไรแฟนบอลครับ แต่ก็จะพยายามเอาผลงานตรงนี้ มาเป็นของขวัญ และ ความสุขของทุกคนให้ได้”
สำหรับ ทีมชาติไทย ได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย เอเชียนคัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี โดยอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในฐานะเจ้าภาพ , ทีมชาติอินเดีย และ ทีมชาติบาห์เรน
ขอบคุณเนื้อหาจาก ช้างศึก