สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เผยน่ายินดีมีโค้ชไทยสนใจอบรม โปร ไลเซน มากขึ้น

พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เผยเป็นเรื่องที่น่ายินดี หลังมีโค้ชไทยสนใจอบรมโปร ไลเซน มากขึ้น

พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี เมื่อปัจจุบันบรรดาโค้ชชาวไทยให้ความสนใจอบรมหลักสูตร โปรไลเซน มากขึ้น

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดอบรมหลักสูตร AFC ‘Pro’ Diploma รุ่นที่ 3 ของประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งมีบรรดาโค้ชไทยลีก เข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมาก

“ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขอแสดงความยินดีกับผู้ฝึกสอนทุกท่านที่ได้เข้าร่วมอบรมโค้ช หลักสูตร AFC ‘Pro’ Diploma รุ่นที่ 3 ของประเทศไทย และยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ HOUSE OF THAI FOOTBALL แห่งนี้ คือ หนึ่งในนโยบายของสมาคมฯ ที่เราสร้างรากฐานไว้สำหรับฟุตบอลไทย ส่วนรากฐานต่อไปที่สมาคมฯ ให้ความสำคัญ ผู้ฝึกสอน ก็คือ พวกท่านที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในอนาคต”

“ก่อนผมเข้ามาวงการฟุตบอลไทย มีผู้ฝึกสอนระดับ โปร ไลเซนส์ เพียงแค่ 1 คนเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เราผลักดันและพยายามให้มีการอบรมผู้ฝึกสอนทุกระดับอย่างต่อเนื่อง จน ณ ปัจจุบันนี้ในส่วนของโค้ชโปร ไลเซนส์ เรามีการอบรมเป็นรุ่นที่ 3 รวมแล้วเรามีผู้ฝึกสอนระดับต่างๆ รวมกันกว่า 4 พันคน เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่โค้ชชาวไทยให้ความสนใจ และความสำคัญในเรื่องนี้ แน่นอนเมื่อเราผลิตผู้ฝึกสอนออกมาแล้วก็จำเป็นที่จะต้องให้ผู้ฝึกสอนมีงานทำ จึงมีการออกกฎเกณฑ์ขึ้นมาตามที่เอเอฟซีกำหนดขึ้นมา กำหนด ให้ผู้ฝึกสอน ในไทยลีก จะต้องถือโปร ไลเซนส์ ดังนั้นเราต้องทำตามกฎกติกา”

“นอกจากนี้ สมาคมยังให้ความสำคัญกับ รากฐานอื่นๆ ไม่จะเป็นผู้ตัดสิน เราอาจไม่สามารถสร้างผู้ตัดสินเก่งๆ ได้ในระยะเวลาสั้น เพราะผู้ตัดสินเองก็ต้องใช้ประสบการณ์ เราจึงนำเทคโนโลยี VAR เข้ามาช่วยในการตัดสินซึ่งถือเป็นชาติแรกในอาเซียนที่มี ศูนย์ฝึกฟุตบอลเกิดขึ้นแล้วที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และเรามาโครงการที่จะสร้างเพิ่มที่หัวหิน โดยใช้งบประมาณจากฟีฟ่า ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ”

“ก็อยากฝากทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี่ เมื่อผ่านการอบรมแล้วอยากให้ทุกคนช่วยกันพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ผมเองมาแล้วก็จากไป แต่พวกท่านจะต้องอยู่พัฒนาวงการฟุตบอลไทยไปอีกนาน ขอให้ทุกคนมีความตั้งใจ มุ่งมั่นและประสบความสำเร็จ ในอนาคตผมเองก็อยากสนับสนุนผู้ฝึกสอนชาวไทย ไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาทีมชาติไทย เหมือนกับที่สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นเขาทำในตอนนี้ หากต้องการให้สมาคมฯ สนับสนุนเรื่องอะไรก็ขอให้แจ้งผ่านทางเลขาธิการสมาคมฯ เพื่อช่วยเหลือกันและกัน”

สำหรับ การอบรมโปรไลเซนส์ รุ่นที่ 3 จะแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 4 ช่วง ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 3 – 12 มิถุนายน 2566, ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 5 – 24 สิงหาคม 2566, ช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 4 – 13 พฤศจิกายน 2566 และช่วงที่ 4 ระหว่างวันที่ 5 – 16 กุมภาพันธ์ 2567