“วิลัยพร” กองหลังชบาแก้ว หวังสานฝันเด็กไทยก้าวสู่ลูกหนังอาชีพ

โดย วิลัยพร บุตรด้วง กองหลังวัย 33 ปี เผยถึงเป้าหมายบนเส้นทางโค้ชอาชีพ ว่า “จริงๆ เริ่มคิดและวางเป้าหมายที่จะเรียนโค้ชไว้นานแล้ว ตั้งใจที่จะนำเอาประสบการณ์ที่มีไปถ่ายทอดให้แก่เด็กๆ”

“เราได้แรงบันดาลใจมาจากโค้ชหลายท่าน ที่มีความรู้ความสามารถแตกต่างกันออกไป จึงเป็นแรงผลักดันในการตัดสินใจเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้”

กองหลัง “ชบาแก้ว” กล่าวถึงมุมมอง รวมทั้งความแตกต่างระหว่างการเป็นนักเตะและการโค้ชว่า “การเป็นนักกีฬากับการเป็นโค้ชแตกต่างกันมาก มันไม่ง่ายที่เราเป็นนักกีฬาและจะมาสอนเด็กได้ทันที แต่การเป็นโค้ชต้องทำงานหนักมาก มีรายละเอียดมากมาย ในการสอน สอนยังไงให้นักกีฬาเข้าใจและทำได้ ซึ่งต่างจากนักกีฬาเพราะนักกีฬามีหน้าที่อย่างเดียวคือแค่การฝึกซ้อม”

“พอได้เรียนการเป็นโค้ชมันยากจริงๆ เริ่มตั้งแต่การวางแผน ทำอย่างไร แผนการสอน สอนอย่างไรให้นักกีฬาเข้าใจและทำได้ตามแผนที่โค้ชวางไว้ให้สำเร็จ และมีประสิทธิภาพ การเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในสนามและนอกสนามให้กับนักกีฬา”

“อยากนำความรู้ที่ตัวเองได้เรียนรู้มา ไปพัฒนาและถ่ายทอดให้เด็กๆได้อย่างถูกต้องและถูกวิธีในการเล่นฟุตบอลและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง อยากทำให้เด็กๆ มีความฝัน มีเป้าหมายในการเล่นฟุตบอล ทำให้เขามีแรงบันดาลใจ ดึงดูดเค้า ให้เค้ามีความพยายาม และมุ่งมั่นตั้งใจทำ เพื่อประสบความสำเร็จ ในการที่เค้าจะกล้าก้าวไปสู่เส้นทางนักกีฬาฟุตบอล ไม่ว่าจะในนามสโมสรหรือทีมชาติไทยต่อไป”

“สุดท้ายต้องขอคุณสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล เข้าร่วมการอบรม และจัดอบรม โครงการนี้ขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากร ให้ได้มีการเรียนรู้ในการเป็นโค้ช ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้ได้อย่างถูกวิธี” ดาวเตะวัย 33 ปี กล่าวทิ้งทาย

สำหรับหลักสูตร FA Thailand Introductory Course จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 ประจำปี 2563 ถือเป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับคนที่ต้องการเป็นผู้ฝึกสอน โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในการอบรม

โดยหัวข้อหลักของการฝึกอบรม ประกอบไปด้วย การพัฒนาเยาวชน, เทคนิคการเล่นฟุตบอลในแต่ละส่วน, การจัดการแข่งขัน, ฟุตบอลรากหญ้า, การสื่อสารระหว่างผู้ฝึกสอนกับนักกีฬา และคอนเซ็ปต์ไทยแลนด์ เวย์ ซึ่งจะใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 วัน

ขอบคุณ Fair