หลังก้าวเข้าสู่ยุค 2000 ทีมชาติเยอรมันก็พยายามอย่างมากที่จะกลับมาประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ กระทั่งค้นพบกองกลางสายเลือดใหม่อย่างบาสเตียน ชไวสไตเกอร์
บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ ถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมันเป็นครั้งแรกในช่วงยูโรปี 2004 โดยเค้ามักถูกใช้งานตำแหน่งตัวริมเส้น แล้วผลงานพิสูจน์ตัวของชไวนี่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ ชไวสไตเกอร์พาเยอรมันทำผลงานได้ดีพอตัวกระทั่งไปพ่ายอิตาลี่ 0-2 ในรอบรองชนะเลิศ วันที่ 8 กรฤฎาคม 2006 เยอรมันจึงลงเล่นเกมชิงอันดับสามกับโปรตุเกส โดยในเกมนั้นทัพอินทรีเหล็กไม่มีกองกลางตัวเก่งอย่างมิชาเอล บัลลัค แต่บาสเตียน ชไวสไตเกอร์ก็สำแดงเดชด้วยการกดสองประตูช่วยให้เยอรมันชนะไป 3-1 หลังจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการเป็นที่สามชไวนี่จึงถูกจับตามองในฐานะนักเตะตัวความหวังของเยอรมันไปโดยปริยายจากผลงานการยิง 2 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ตลอดทัวร์นาเมนต์
ภายหลังบาสเตียน ชไวสไตเกอร์มักถูกฮุบไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางหรือไม่ก็มิดฟิลด์ตัวรับแต่เค้าก็ยังทำผลงานได้ดีอยู่เหมือนเช่นเดิม เค้าพาเยอรมันเป็นรองแชมป์ยูโร 2008,คว้าอันดับสามฟุตบอลโลก 2010 รวมถึงเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูโร 2012 และประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 โดยในเวลานั้นบาสเตียน ชไวสไตเกอร์ใช้ความเก๋าสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกมแดนกลางของเยอรมันแบบไร้ที่ติ กระทั่งทีมเต็งอย่างบราซิลก็ยังพ่ายแพ้ต่อเยอรมันไปถึง 1-7
ชไวนี่รับใช้เยอรมันลุยศึกยูโร 2016 เป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายและไปได้ไกลสุดที่รอบรองชนะเลิศ จากผลงานทั้งหมดจะเห็นได้ชัดว่าบาสเตียน ชไวสไตเกอร์คือนักเตะโกลเดนบอยที่พาเยอรมันกลับมาประสบความสำเร็จได้อย่างหลายคนได้คาดหวังเอาไว้อย่างแท้จริง โดยเค้าลงเล่นให้ทัพอินทรีเหล็กไปทั้งหมด 121 นัดยิงได้ 24 ประตูกับทำทางให้เพื่อนไปทั้งหมด 39 แอสซิสต์