ฟุตบอลอาจไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว หลายครั้งเรามักได้เห็นผู้จัดการทีมผลงานดีกับทีมเล็กๆแต่ก็มีอันมาตกอับกับสโมสรที่ใหญ่กว่า แล้วกุนซือมานูเอล เปเยกรินี่ก็รับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เมื่อเค้าต้องพบกับฝันร้ายแบบสุดๆจากสโมสรรีลมาดริด
หลังแขวนสตั๊ดมา นูเอล เปเยกรินี่ ก็หันมาจับมาผู้จัดการทีมในบ้านเกิด โปรไฟล์เค้าเริ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เค้าได้ออกมารับงานในลีกเพื่อนบ้านอย่างอาร์เจนติน่า แล้วผลงานของเค้าก็ยิ่งดีวันดีคืนเมื่อเปเยกรินี่สามารถพาซานรอเรนโซ่และลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกอาร์เจนติน่าได้อย่างละสมัย นั่นจึงกลายเป็นใบเบิกทางให้กุนซือชาวชิลีได้ย้ายข้ามฝากมาทำงานในยุโรปกับบียารีลในปี 2002
เปเยกรินี่สามารถพาทีมตราเรือดำน้ำก้าวขึ้นมาเกาะกลุ่มหัวตารางได้อย่างน่าประหลาดใจ พร้อมทั้งยังได้แชมป์อินเตอร์โตโต้คัพในปี 2004 ชื่อของเค้าจึงเริ่มเป็นที่หมายปองของบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ ก่อนจะถูกแต่งตั้งให้คุมทีมรีลมาดริดในปี 2009 แล้วถึงจะพาทีมเก็บได้ถึง 96 แต้มแต่ทว่าก็ยังเป็นรองบาเซโลน่าที่ฟอร์มพีกกว่าก็ทำให้เปเยกรินี่ไม่เป็นที่ปลื้มใจของแฟนบอลและบอร์ดบริหารชุดขาว เปเยกรินี่จึงถูกสั่งปลดอย่างไม่ใยดีหลังจบฤดูกาลนั้น
แต่ชื่อของเปเยกรินี่ก็หางานใหม่ได้มายากเมื่อเค้าถูกมาลาก้าดึงตัวไปทำทีมต่อในเดือนพฤศจิกายน 2010 ซึ่งผลงานก็ออกไปทางกระท่อนกระแท่น แต่ที่เลวร้ายหนักคือเกมในวันที่ 3 มีนาคม 2011 เมื่อเปเยกรินี่ต้องพามาลาก้าบุกไปเยือนทีมเก่าอย่างรีลมาดริดด้วยความพ่ายแพ้แบบมโหฬาร 0-7 ซึ่งมันกลายเป็นเครื่องตอกย้ำว่าเค้าไม่ดีพอสำหรับทีมใหญ่อย่างรีลมาดริด อย่างไรก็ตามเปเยกรินี่ก็ยังได้โอกาสคุมมาลาก้าอยู่นานจนถึงปี 2013 เลยทีเดียว
