ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2014/15 ชาวเรดอาร์มี่ฮือฮากันยกใหญ่เมื่อทีมคว้าตัวอังเคล ดิ มาเรียมาจากรีล มาดริดด้วยค่าตัวสถิติสโมสร พร้อมความหวังอันสูงลิบว่าปีกฟ้าขาวจะมาช่วยยกระดับเกมรุกให้จี๊ดจ๊าดกว่าเดิม
หลังจากได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2012/13 แมนยูฯก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กุนซือมือทองอย่างเซอร์อเล็กวางมือ นักเตะหลายคนเริ่มอิ่มตัวจนทีมฟอร์มดร็อปลงไป เดอะแบกในเกมรุกก็มีเพียงเวนย์ รูนี่เพียงคนเดียว ว่าแล้วซัมเมอร์ 2014 ปีศาจแดงจึงเดินหน้าทาบทามอังเคล ดิ มาเรียอย่างจริงจัง โดยในเวลานั้นดิ มาเรียคือปีกตัวร้ายที่เพิ่งพารีล มาดริดคว้าแชมป์ยูซีแอลและโกปา เด เรย์มาหมาดๆ
วันที่ 26 สิงหาคม 2014 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าตัวอังเคล ดิ มาเรียด้วยค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ ขึ้นแท่นเป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดของสโมสร แล้วจะว่าไปผลงานปีกชาวอาร์เจนไตน์ก็ไม่แย่นัก เค้าปลดล็อคประตูแรกได้ตั้งแต่การลงเล่นเกมลีกนัดที่สอง พร้อมจบฤดูกาลด้วยการยิง 4 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ แต่เมื่อเทียบกับผลงานก่อนย้ายมาที่ทำไว้กับราชันย์ชุดขาว 11 ประตู 26 แอสซิสต์ รวมถึงแมนยูฯเองก็ไม่มีถ้วยรางวัลติดมือเลยซักใบ นักเตะค่าตัวแพงลิบอย่างดิ มาเรียจึงถูกตราหน้าว่าเป็นดีลที่ล้มเหลว(จริงๆต้องโทษการวางแท็กติกของหลุยส์ ฟาล กัลที่มั่วได้ใจ) ดิ มาเรียถูกเซ้งต่อให้เปเอสเชในปีถัดมาแถมทำผลงานดีจนแฟนผีต้องเจ็บใจ เมื่อปีกฟ้าขาวกลับมาฟอร์มดีจนพาปารีสคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ถึง 5 สมัย