การชิงชัยถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ตัวแทนจากลีกชั้นนำต่างหวังที่จะประสบความสำเร็จเพื่อเชิดหน้าชูตาให้กับสโมสรและลีกบ้านเกิด แล้วช่วง 20 ปีหลังสุดทีมจากอังกฤษก็มักเป็นขาประจำที่พาเหรดเข้ามาวนเวียนในรายการนี้แบบเกินหน้าเกินตาทีมจากประเทศอื่นๆ อีกทั้งยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ชิงดำกันเองระหว่างสโมสรที่มาจากพรีเมียร์ลีกด้วยกันเองในปี 2008
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซีต่างชิงชัยกันอย่างเข้มข้นในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2006/07 แม้สุดท้ายจะเป็นพลพรรคอสูรแดงที่เบียดเข้าวินคว้าแชมป์ลีก แต่เมื่อเข้าสู่การแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2007/08 เชลซีที่อกหักมาก็หวังจะเชิดหน้าชูตาในเวทียุโรปเพื่อเป็นการแก้เก้อ
สิงห์บลูผ่านรอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์กลุ่มที่ไม่แพ้ใครเลย ตามต่อด้วยการปราบโอลิมเปียกอส,เฟเนร์บาเช่ และลิเวอร์พูล นั่นทำให้เชลซีเข้าไปรอชิงชนะเลิศโดยหารู้ไม่ว่าแมนยูฯคู่อาฆาตจากพรีเมียร์ลีกกคือคู่ชิงชัย
แล้ววันที่ 21 พฤษภาคม 2008 จึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ศึกชิงดำแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นการดวลกันเองของตัวแทนจากอังกฤษระหว่างเชลซี และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ใน 120 นาทีของเกมพวกเค้ายังเสมอกัน 1-1
นั่นทำให้ต้องดวลจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะ ความจริงเชลซีมีโอกาสดีที่จะชนะไปแล้วเมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้นั้นยิงพลาด แต่ทว่าดราม่ามาบังเกิดเมื่อคนยิงจุดโทษคนที่ห้าคือ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม แล้วเค้าก็ดันลื่นในจังหวะวิ่งเข้ายิงทำให้สกอร์กลับมาเสมอกัน แล้วปีศาจแดงก็ถูกต่อลมหายใจให้ได้ลุ้นยิงจุดโทษต่อไป แล้วแมนยูฯก็กลับมาเบียดชนะจุดโทษได้ 6-5 เมื่อนิโกล่า อเนลก้ากองหน้าเชลซียิงพลาด และกลายเป็นความพ่ายแพ้อันน่าผิดหวังของพลพรรคสิงโตน้ำเงินคราม