ถึงการแข่งขันฟุตบอลชายในศึกเอเชียนเกมส์จะไม่ได้รับการรองรับในฐานะทัวร์นาเมนต์ฟีฟ่า แต่มันก็ถือเป็นรายการที่ทีมชาติไทยทำผลงานได้ดีพอสมควร เมื่อทัพช้างศึกที่มักจะตบเท้าเข้าร่วมการแข่งขันอยู่เสมอแถมยังเข้าชิงอันดับสามถึง 4 ครั้ง นั่นจึงทำให้ในเอเชียนเกมส์ 2018 แฟนบอลไทยจึงคาดหวังว่าทีมชาติไทยจะทำผลงานได้น่าประทับใจอีกครั้ง
เอเชียนเกมส์ 2014 ครั้งก่อนหน้าทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของโค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองจบการแข่งขันด้วยการเป็นที่อันดับสี่หลังแพ้อิรัก 0-1 ในนัดชิงเหรียญทองแดง นั่นส่งแรงกดดันให้ทีมฟุตบอลชายชุดลุยเอเชียนเกมส์ 2018 ของโค้ชโย่ง วรวุฒิ ศรีมะฆะถูกคาดหวังว่าน่าจะผ่านรอบลึกๆได้เหมือนทีมชุดก่อน ซึ่งก็เป็นเพราะทีมอันดับสามในรอบแรกที่ผลงานดีสุด 4 อันดับแรกก็ยังจะได้สิทธิผ่านเข้ารอบไปได้
แต่การต้องไล่เสมอการ์ตาแบบหืดจับตั้งแต่เกมแรกก็ทำให้ทัพช้างศึกเดินหน้าอย่างกระท่อนกระแท่น แล้วการไม่ชนะบังกลาเทศในเกมถัดมา(เสมอ 1-1)ก็ทำให้เกมนัดสุดท้ายเต็มไปด้วยความกดดัน วันที่ 19 สิงหาคม 2018 ไทยดวลกับอุซเบกิสถานตามโปรแกรม ซึ่งพวกเค้าคาดหวังผลงานเสมอเป็นอย่างน้อย แต่เอาเข้าจริงไทยก็ทำไม่สำเร็จ อุซเบกิสถานเฉือนชนะไป 1-0 ทีมชาติไทยที่จบรอบแรกได้ที่สามจึงมีเพียงสองแต้มกลายเป็นทีมผลงานแย่สุดจากทั้ง 6 สาย บทสรุปทีมชาติไทยตกรอบแรกเอเชียนเกมส์ 2018 กลายเป็นการตกรอบแรกเอเชียนเกมส์ครั้งแรกในรอบ 24 ปี โดยหนสุดท้ายที่ไทยจอดป้ายเพียงรอบแรกคือเอเชียนเกมส์ 1994 ที่ฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น