ข่าวฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีกวันนี้ในอดีต เมื่อหงส์แดงโกงความตายกลับมาครองถ้วย ยูซีแอล
ลิเวอร์พูล
Liverpool

วันนี้ในอดีต เมื่อหงส์แดงโกงความตายกลับมาครองถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นสมัยที่ 5 ในฤดูกาล 2004/05 ได้สำเร็จ

ถึงแม้ซีซั่นนี้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าชาวเดอะค็อปจะได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกได้สำเร็จหรือไม่ แต่ทว่า หงส์แดง ก็ยังเชื่อมั่นเสมอว่าพวกเค้าจะประสบความสำเร็จได้ แล้ววันนี้เราจะนำอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรลิเวอร์พูล เมื่อ 15 ปีก่อนที่พวกเค้าพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นสมัยที่ 5 ได้สำเร็จมาให้ได้รำลึกกัน

ในฤดูกาล 2004/05 ที่ลิเวอร์พูลจบอันดับในพรีเมียร์ลีกที่อันดับ 5 แถมยังตามหลังทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างเอฟเวอร์ตันที่จบในอันดับที่ 4 อีกต่างหาก นั่นจึงทำให้การเข้าชิงชนะเลิศถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปีนั้นมีความหมายต่อพวกเค้าสำหรับแฟนบอลหงส์แดงเพราะก่อนหน้านั้นพวกเค้าเพิ่งจะพ่ายต่อเชลซีในนัดชิงลีกคัพ พวกเค้าจึงปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะปิดฤดูกาลด้วยถ้วยรางวัลซักใบ

25 พฤษภาคม 2005 ราฟาเอล เบนิเตซ นำนักเตะลิเวอร์พูลเดินทางไปแข่งขันกับ เอซีมิลาน โดยมี สตีเฟ่น เจอร์ราด เป็นกัปตันทีม แต่ทว่าเพียงนาทีแรกปีศาจแดงดำแห่งอิตาลี่ก็ได้ประตูขึ้นนำเสียแล้วจากฝีเท้าของ เปาโล มัลดินี่ ซ้ำร้ายก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่นาทีเฮอร์นัน เครสโปก็มาบวกสองประตูให้มิลานนำห่างไปถึง 3-0 แฟนบอลทั่วโลกต่างเห็นตรงกันวันนี้ไม่ใช่วันของหงส์แดง แต่นักเตะของลิเวอร์พูลไม่คิดเช่นกัน เบนิเตซ ปลุกเร้าแข้งหงส์ ทุกคนว่ายังพอมีเวลา

ลิเวอร์พูล

ท้ายที่สุดปาฏิหาริย์ก็บังเกิด ช่วงครึ่งหลังลิเวอร์พูลใช้เวลา 6 นาทียิงสามประตูรวดทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน แม้หลังจากนั้นมิลานจะมีโอกาสทองที่จะได้ประตูเพิ่มแต่ก็เป็น เจอร์ซี่ ดูเด็ค นายด่านชาวโปแลนด์ที่ปัดป้องไว้ได้ทั้งหมดจนทำให้เกมจบลงด้วยการต้องดวลลูกจุดโทษ แล้วเทพีแห่งชัยชนะก็เลือกอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเค้าเอาชนะการดวลจุดโทษเหนือมิลานได้ 3-2 เรียกได้ว่าชนะทั้งบนสกอร์บอร์ดและชนะใจแฟนบอลในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

ลิเวอร์พูล

ตราบจนถึงเวลานี้ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ยุโรปมาแล้วถึง6สมัยแต่ทว่าไฮไลต์แห่งโลกฟุตบอลก็ยังคงยกให้แม็ตซ์นัดชิงยูซีแอลปี2005เป็นแม็ตซ์คลาสสิคที่ยังคงประทับใจแฟนลูกหนังทั่วโลกเสมอมา

เขียนโดย DT-1

ขอบเขตความรับผิดชอบ : วิดีโอนี้ถูกสร้างขึ้นและถูกผลิตโดย “youtube.com” “UEFA”สามารถค้นหาได้ทั่วไป ซึ่งทำให้เจ้าของวิดีโอนี้ที่ผลิตขึ้น เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้