เวลาเพียงแค่สองเดือน มาโกโตะ เทกุระโมริ ได้เปลี่ยน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จากเรือใบที่ไร้หางเสือ กลายเป็นทีมที่มีแนวทางชัดเจน และดุดัน พร้อมที่จะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาเรื่องการเสริมทัพ แต่ผลงานของทีมกลับตกต่ำ จนนำมาซึ่งการแยกทางกับ ดุสิต เฉลิมแสน และดัน สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ มาเป็นรักษาการ ก่อนจะส่งต่อมาถึง มาโกโตะ เทกุระโมริ
ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว บีจี ถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับแนวทางการทำทีม ทั้งที่ปีก่อน พวกเขาเพิ่งได้แชมป์ไทยลีก แต่กลับเปลี่ยนไปเปลี่ยน จนเหมือนกับเรือใบที่ไม่รู้จะแล่นไปทางไหน ทีมทีเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ ในทุกตำแหน่ง แต่กลับเล่นกันคนละทิศคนละทาง
แต่แล้วในช่วงเดือนมีนาคม ที่ เทกุระโมริ ขยับจากการสอดส่องบนอัฒจันทร์ ลงมาคุมทีมในสนาม ทีมก็เหมือนกับได้หางเสือมาควบคุม และเดินหน้าคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่อง จนกดดัน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก่อนที่สุดท้ายจะตามไม่ทันในช่วงสองเกมสุดท้าย
– อะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง
สิ่งสำคัญคือ ในสนาม จะเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ บีจี ได้ ฟอร์เมชัน ที่ชัดเจนในการเล่นแล้ว นั่นคือระบบ 4-2-2-2 ที่แบ็คจะเติมขึ้นมาเล่นริมเส้น อย่างเต็มตัว และมีกองกลางคอยหมุน กองหน้าคอยพักบอล เกมรับก็ขันแน่น ส่วนเกมรุกก็หลากหลาย
นักเตะทีเคยเล่นไม่ออกหลายคน เริ่มแสดงคุณภาพออกมา บางคนที่บอกว่าเป็นส่วนเกิน ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก นักเตะใหม่หลายคนเริ่มปรับตัวเข้ากับระบบ ทุกคนต่างรู้หน้าที่ว่า ลงไปในสนามแล้วต้องทำอะไร ผ่านบอลแล้วต้องเคลื่อนที่ไปตรงไหน ตัดบอลแล้วต้องทำอะไรต่อ เสียบอลแล้วต้องทำยังไง ใครต้องเข้าก่อนเข้าหลัง
จากที่แต่ก่อน วิ่งกันมั่ว นักบอลเหมือนสับสน ใครจะเล่นอะไรยังไง หลายคนเริ่มเข้าใจการเล่นมากขึ้น นั่นคือสิ่งสำคัญ
– จุดแข็งที่ทำให้ มาโกโตะ ติดลมบน
อย่างที่เคยกล่าวไปจุดเด่นของบีจี คือการมีหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของเงินสนับสนุนทีม รวมถึงการมี Facilty ที่ยอดเยี่ยม ทั้งสนามฝึกซ้อม คลับ เฮาส์
เมื่อหลังบ้านแข็งแกร่ง มันก็เลยทำให้ทีมชุดใหญ่ ที่เป็นเหมือนยอดพีรามิด มันออกมาดีด้วย แต่ที่ผ่านมา มันเหมือนยอดพีระมิดกับ หลังบ้าน มันขบกัน และมันดูไม่ลงล็อคเท่าไหร่ จนมันขาดความสม่ำเสมอ
เมื่อทั้งสองอย่างประสานงานกันอย่างลงตัว ทำให้ทุกอย่างมันติดลมบน เดินหน้าไปอย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว
– ช่วงโปรโมชั่น?
แน่นอนว่า ในกีฬาฟุตบอล ไม่มีทีมไหนที่จะชนะไปตลอด, ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด หรือไม่มีใครที่ทำถูกต้องทุกอย่าง ช่วงที่ผ่านมา มันเหมือน ช่วงโปรโมชั่น ที่ทุกคนต่างยิ้มรับ
แต่แน่นอนว่า บีจี อาจจะมีช่วงที่ดร็อปลงไปบ้าง หลังจากนี้ อาจจะสะดุดแพ้ พลาดแบบไม่น่าพลาด นั่นคือช่วงเวลาสำคัญ ที่ต้องจับมือกันไป และต้องอดทน เพราะบนโลกนี้ไม่มีทีมไหนที่ไร้เทียมทาน สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
เมื่อถึงช่วงเวลานั้น สิ่งสำคัญคือให้โอกาส ให้เวลา ในการปรับปรุงแผน
– การถ่ายเลือด และผลักดันดาวรุ่ง
นี่คืออีกปัจจัยสำคัญของบีจี ที่ตอนนี้แกนหลักหลายราย อายุเข้าหลักสาม และอาจจะต้องมีบางคนออกไป มีเด็กขึ้นมาใหม่ และต้องเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าในฟุตบอลอาชีพ หากทำงานอย่างจริงจัง นักเตะคนนี้แม้จะรักขนาดไหน แต่เมือถึงเวลาก็ต้องไป เพือเปิดทางให้แข้งใหม่เข้ามา
บทพิสูจน์ ของบีจี ที่แท้จริงนั้นอาจจะเป็นช่วงเวลาหลังจากนี้ หรือในฤดูกาลหน้า ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเหมือนดั่งสำนวนที่ว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน