ฟันศอกน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวมากกว่า คือ ทัศนคติ และคนรอบข้าง

ข่าวฟุตบอลวันอาทิตย์ ทุกสายตาจับจ้องไปที่การฟันศอกของ อิศเรศ น้อยใจบุญ การทำร้ายแบบนี้ถือว่าน่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือทัศนคติและคนรอบข้าง

กลายเป็นประเด็นใหญ่ ในประเทศไทย และทั่วโลกไปแล้ว สำหรับ จังหวะ สับศอก ของ อิศเรศ น้อยใจบุญ ที่ทำให้ ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิตร ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก จนต้องเย็บถึง 24 เข็ม

สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเทคแอคชั่นทันทีของสโมสร ที่ประกาศยกเลิกสัญญานักเตะรายดังกล่าวพร้อม ทั้งกับที่ทาง นอร์ธ กรุงเทพ ได้แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย

และต่อเนื่องถึงสิงที่น่ากังวลกับภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทย ที่กลายเป็นวลี บอลไทยไปมวยโลก อีกครั้ง

– สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าการฟันศอก

การฟันศอกถือว่าน่ากลัวแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าคือเรื่องของทัศนคติ เห็นได้ชัด จากการโพสต์เพื่อขอโทษ (ก่อนที่จะมีการแก้ไข)

คุณจะเห็นว่าในประโยคดังกล่าว มีคำว่าขอโทษมากมาย แต่มันสัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากขอโทษแล้ว ยังมีการพูดถึงสาเหตุว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เพราะโดนเตะก่อน เพราะเขานอกเกมก่อน เราเลยไปฟันศอกเขา

กลายเป็นการโทษคู่กรณีว่าคุณทำเราก่อนนะ เพราะฉะนั้น เราเลยมีสิทธิ์ที่จะฟันศอกคุณกลับได้ (อย่างนั้นหรือ?)

นี่คือสิงที่น่าเป็นห่วง เพราะถ้าหากคุณทำผิดแล้วไม่รู้สึกผิด มันคือสิ่งที่น่ากังวล เพราะเขาก็ไม่รู้ตัว และจะกลับไปแก้ไขอย่างไร เหมือนกับ การผิดพลาดในสนามสำหรับนักฟุตบอล ถ้าคุณส่งบอล และรู้ว่าคุณพลาด และคุณพยายามแก้ไข มันก็อาจจะดีขึ้น

แต่ถ้าหาก คุณส่งบอลพลาด และคุณโทษเพื่อน โทษอย่างอื่น คุณก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้ เพราะคุณมองแค่ว่าคุณไม่ผิด คนอื่นนั่นแหละที่ผิด

– สิ่งต่อมาคือคนรอบข้าง

หากมองถึงคอมเมนต์ ก็มีคนคอมเมนต์ดีหลายคนเหมือนกัน แต่ก็มีบางคน ที่บอกให้สู้ๆ คำถามคือสู้อะไร ถ้าให้สู้คือคุณทำถูกแล้ว แต่โลกไม่ยุติธรรมกับคุณ แต่สิ่งที่คุณทำ คือมันผิด และหลายคนยังพยายามปกป้องคนผิด

หลายคอมเมนต์บอก คนเหล่านี้สมควรโดนแล้ว มาเตะนอกเกมก่อน ต้องโดนฟันศอก แต่นี่คือกีฬาฟุตบอล มันมีการกระทบกระทั่งกันเสมอ

– บทต่อไป

สิ่งที่ อิศเรศ ทำ คือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า นักฟุตบอลนอกจากจะต้องมีความสามารถที่ดีในสนามแล้ว ทัศนคติ ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญ

นักฟุตบอลหลายคนต่างก็เคยผิดพลาด หลายคนไปเลย บางคนก็กลับมาได้ การกลับมาของหลายคน บางคนไม่ต้องพูด แต่ลงมือทำให้เห็น ควบคุม อารมณ์ได้ดี แต่แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา และต้องมีคนรอบข้างที่พร้อมให้โอกาส

แต่ ณ วันนี้ อนาคตของเขา มันเหมือนจะจบลงแล้ว แต่มันอาจจะมีแสงสว่าง แต่อยู่ที่ว่าเขาจะเดินหาแสงสว่าง หรือ ดับแสงนั้นที่เหลืออยู่เล็กน้อยด้วยตัวเอง