เป็นที่ชัดเจนว่าฟลอเรนติโน่ เปเรซ ต้องการตัวคีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เข้ามาสร้างยุคสมัยของความยิ่งใหญ่ เหมือนที่เขาเคยทำมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรเรอัล มาดริด ครั้งแรกในปี 2000 ด้วยการคว้าตัวหลุยส์ ฟีโก้ มาจากบาร์เซโลน่า ตามด้วยซีเนดีน ซีดาน, โรนัลโด้ และเดวิด เบ็คแฮ่ม
นั่นคือจุดเริ่มของยุคกาลาติโกส อันเป็นเหมือนการเริ่มสร้างทีมฟุตบอลด้วยการทุ่มเงินก้อนโต
“นักฟุตบอลกลุ่มนี้น่าเป็นกลุ่มที่จ่ายเงินเดือนให้กับตัวเอง” เขาเคยพูดถึงการตัดสินเรื่องค่าเหนื่อยของนักเตะ
คำพูดดังกล่าวสะท้อนถึงสัญญาของนักเตะในยุคใหม่ เมื่อสตาร์แต่ละคนจะมีสัญญาพ่วงเรื่องสปอนเซอร์ส่วนตัว ที่ต้องแบ่งเงินบางส่วนให้สโมสในการแชร์ภาพลักษณ์ในฐานะนักเตะดัง
ทีมชุดขาวเดินหน้าเรื่องธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผลตอบกลับคือการได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก แค่ครั้งเดียว (ปี 2000)
ยุคสมัยที่ 2 เกิดขึ้นภายใต้การคุมทีมของซีดาน ที่เข้ามาทำงานแทนราฟาเอล เบนีเตซ ในปี 2016 ซึ่งนี่อาจจะเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยซ้ำไป
เมื่อมีเทรนเนอร์ฝรั่งเศส กุมบังเหียน ทีมคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติด และสามารถบวกกับอีกหนึ่งแชมป์ของคาร์โล อันเชล็ตติ จนทีมเป็นเจ้ายุโรปถึง 4 ครั้งในช่วง 5 ปี
ความสำเร็จดังกล่าวมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นฟันเฟืองสำคัญ แต่สตาร์รายนี้ถูกเซ็นเข้ามาในตอนที่รามอน กัลเดรอน เป็นประธานสโมสร
อย่างไรก็ตามการที่ซีดาน ลาจากทีมเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ส่งผลกระทบให้ฤดูกาลก่อนทีมไม่มีแชมป์ติดมือสักรายการ เป็นเหตุให้กุนซือเลือดน้ำหอมต้องกลับมาในช่วงปลายปีก่อน
อย่างไรก็ตามในถ้วยใหญ่ของยุโรปปีนี้ ขาข้างหนึ่งของพวกเขาตกรอบไปแล้ว หลังแพ้คาบ้านให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก
การได้ตัวเอแด็น อาซาร์ เหมือนเป็นการเริ่มต้นยุคการล่าซูเปอร์สตาร์ของทีมอีกครั้ง แต่เป้าหมายหลักอย่างแท้จริงอยู่ที่ เอ็มบั๊ปเป้
กองหน้าฝรั่งเศส เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ท่านประธานรอคอย เพื่อที่ทีมจะกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้ง