วันที่ 29 เมษายน 2562 เวลา 10.30 น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ฝ่ายจัดการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เดินทางมาที่ประเทศไทย เป็นรอบที่สอง เพื่อทำการตรวจสภาพความพร้อมของสนามแข่งขัน ที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในช่วงเดือนมกราคม 2563
การตรวจสนามในครั้งนี้ นำโดย ยู จิน โฮ ฝ่ายจัดการแข่งขัน (ทีมชาติ), เชลตัน กูลการนิ ฝ่ายสื่อและประชาสัมพันธ์, เชง ยิง ได ฝ่ายจัดการแข่งขัน (ทีมชาติ), คูมาราซัน ชันดราน ฝ่ายการตลาดและพาณิชย์, โมฮาหมัด ราซากีดิน บิน ราซาลลี ฝ่ายบริการทั่วไป, ฟาดฮิล อัซรี บิน อิสมาอิล ฝ่ายออกแบบสนาม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ฝ่ายจัดการแข่งขัน และฝ่ายต่างประเทศ
โดยสนามที่เป็นแคนดิเดตที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มีทั้งหมด 7 สนาม ประกอบไปด้วย
1. สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน (กรุงเทพมหานคร)
2. สนาม สมโภช 700 ปี (เชียงใหม่)
3. สนาม เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (นครราชสีมา)
4. สนาม ติณสูลานนท์ (สงขลา)
5. สนาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (นนทบุรี)
6. สนาม เมืองทอง สเตเดียม (นนทบุรี)
7. สนาม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (ปทุมธานี)
อนึ่ง เจ้าหน้าที่จาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ได้เดินทางมาตรวจสนามรอบแรก เมื่อช่วงวันที่ 19-26 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา โดยการตรวจในรอบนี้ เพื่อเป็นการเช็คสภาพความพร้อมในการปรับปรุง และจะมีการประกาศรายชื่อสนามที่จะถูกเลือกใช้งาน อีกครั้งในช่วงประมาณ เดือนมิถุนายน 2562 ต่อไป
สำหรับการแข่งขันฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย U23 2020 จะมีการแข่งขันในช่วงเดือนมกราคม 2563 และคัดเลือก 3 ชาติ ผ่านเข้าไปเล่นในมหกรรมโอลิมปิกส์ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น