ข่าวฟุตบอลทีมชาติไทย U23 : การจับปลาสองมือ, คนที่ไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด, ปราสาททรายที่พังทลาย
buaksib sport news
ทีมชาติไทย

จบลงไปแล้วสำหรับ การลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย ของ ทีมชาติไทย U23 ที่ต้องตกรอบแบ่งกลุ่ม และความผิดพลาดครั้งนี้ มันก็มีแผลมากมาย และข้อดีอีกมากมาย ที่เราควรจะสานต่อ

ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ต้องจบเส้นทางการลุยศึก ชิงแชมป์เอเชีย เพียงแค่รอบแบ่งกลุ่ม เท่านั้น หลังเก็บได้แค่ สี่คะแนน พร้อมส่งเกาหลีใต้ และ เวียดนาม เข้ารอบต่อไป

ย้อนกลับไปตอนช่วงจับสลากทุกคนต่างฝันหวาน ว่าเราจะผ่านเข้ารอบต่อไป เพราะได้อยู่ร่วมกลุ่มกับชาติอาเซียน และมีเกาหลีใต้ ที่เป็นทีมที่น่ากลัวทีมเดียว

แต่สุดท้าย ปราสาททรายในฝัน ก็พังทลาย แม้เราจะไม่แพ้ชาติอาเซียนด้วยกันก็จริง แต่เราก็ไม่ได้ผ่านเข้ารอบ

– โค้ชโย่งคือคนที่ต้องรับผิดชอบ

แน่นอนว่า เมื่อทีมตกรอบ ทุกนิ้วต่างต้องชี้ไปที่ตัวของ วรวุธ ศรีมะฆะ หัวหน้าผู้ฝึกสอน เพราะมันเป็นเรืองปกติของทีมฟุตบอล ที่เมื่อล้มเหลว คนแรกที่ต้องรับผิดชอบ คือตัวของเฮดโค้ชเสมอ เพราะนี่คือคนที่มีอำนาจมากที่สุด ในทีม คือคนที่วางแผน คัดเลือกตัวนักกีฬา

และแน่นอนว่าแม้จะมีข้ออ้างอะไรมากมาย การเตรียมทีมที่น้อยเอย, นักเตะบาดเจ็บ ไม่ฟิตสมบูรณ์เอย แต่ทุกอย่าง แม่ทัพคือคนที่ต้องรับผิดชอบ แต่… มันอาจจะไม่ใช่แค่โค้ชโย่งคนเดียว

– การจับปลาสองมือ

กระดุมเม็ดแรกที่ติดผิด คงหนีไม่พ้น เรื่องการพยายามจับปลาสองมือ หรือความจริงมันอาจจะหลายมือ

อย่างที่ทราบหากเราใส่เสื้อ ถ้าเราติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้วเราไม่แก้ไข แน่นอนว่า เม็ดต่อไปๆ ก็ย่อมผิด

สิ่งทีผิดพลาดคือ การพยายามเอาทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะซีเกมส์ ที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องเหรียญทอง จนต้องใช้บริการของมาโน โพลกิ้ง และขยับโปรแกรมเพื่อให้เอื้อต่อซีเกมส์

จนทำให้การเตรียมทีมชิงแชมป์เอเชีย ครั้งนี้ มีเวลาไม่กี่วัน และที่สำคัญกว่าจะมีนักเตะครบ 24 คนได้ซ้อมร่วมกันนั้น เกิดขึ้นแค่วันเดียวเท่านั้นที่ อุซเบกิสถาน ก่อนเกมกับ เวียดนามเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

– นักเตะเก่งที่ไม่ได้ซ้อมร่วมกันก็เท่านั้น

ในวันที่ประกาศรายชือ ทุกคนต่างร้องโอ้โห คนนี้ก็ดีกรีแบบนั้นแบบนี้ มีเด็กจากต่างแดนมากถึงครึ่งทีม ชุดนี้ไปได้ไกลแน่นอน แต่สุดท้ายก็จบรอบแรก โยนไปให้โค้ช

สิ่งหนึ่งที่อยากจะสื่อสารคือ สุดท้ายแล้วต่อให้รวมคนเก่งมาอยู่ด้วยกัน และไม่ได้ซ้อมลงไปเล่นเลย สุดท้ายมันก็เท่านั้น เพราะฟุตบอลคือกีฬาที่เล่นเป็นทีม ทีมอื่นก็มีมือมีเท้า จะมองแต่ตัวเราไม่ได้

จะบอกว่านักเตะเราไม่เก่งหรือก็อาจจะไม่ใช่ แค่นักเตะของเขาก็เก่งเหมือนกัน และที่สำคัญคือเขามีเวลาเตรียมทีมมากกว่า พูดไปอาจจะมองว่าเป็นการปกป้องทีม แต่มันคือความจริงที่ต้องยอมรับว่า แม้จะมีนักเตะที่ดี แต่หากไม่เคยเล่นร่วมกันเลย มันก็เท่านั้น

– บทเรียนที่ควรต้องเตรียมครั้งต่อไป

หลายคน เอาแต่วิจารณ์ หรือรุมโยนคำด่า แต่สิ่งสำคัญคือการติเพื่อก่อ เพราะแน่นอนว่า จบทัวร์นาเมนต์นี้แล้วไม่ได้แปลว่าจะไม่มีทัวร์นาเมนต์อื่นอีก

มันเลยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ต้องหยิบบทเรียน จากครั้งนี้ มาเตรียมตัวสำหรับครั้งอื่นๆ วางแผนล่วงหน้า เพื่อให้มันพร้อมที่สุด เพราะอย่าลืมว่าปีหน้า มันก็จะมีซีเกมส์ อีกแล้ว และมีฟุตบอล ชิงแชมป์เอเชีย u23 รอบคัดเลือกรออยู่ รวมถึง เอเชียน เกมส์ ที่เลื่อนไปจัดปีหน้าด้วย เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร หากต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย

เพราะอย่าลืมว่า จากทีมชุดนี้ แม้จะมีหลายคนไม่สามารถเล่นทีมชาติเยาวชนได้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เล่นได้ ทั้ง ทรงชัย ทองฉ่ำ, โจนาธาน เข็มดี, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, อิรฟาน ดอเลาะ, ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท, พาตริก กุสตาฟส์สัน, อชิตพล คีรีรมย์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

อย่าแค่พูดลอยๆว่านักเตะได้ประสบการณ์แล้ว แต่ต้องมองว่าจะต่อยอดยังไงในทัวร์นาเมนต์ต่อไป ยิ่งครั้งต่อไป มีตั๋วไปโอลิมปิก ที่ปารีส เป็นเดิมพันด้วยแล้ว

– เริ่มจากจุดไหน

แน่นอนตารางแข่งขัน การวางวันเวลาเก็บตัว มีทัวร์นาเมนต์ อุ่นเครื่องเตรียมทีมให้เหมาะสม การวางโค้ชให้มีเวลาทำงานต่อเนือง และยึดมั่นในเวลา 1-2 ปี หลังจากนี้ ไม่ใชปล่อยเป็นสูญญากาศ ปล่อยนักเตะชุดนี้ ไปเลย

ต่อมาคือการวางแผน นักเตะหลายคนต่างต้องเล่นกับต้นสังกัด เป็นไปได้ไหมที่หลังจากนี้ ทุกช่วงฟีฟ่า เดย์ จะมีการเรียกตัวเด็กมารวมตัวกัน เพือฝึกซ้อมเพิ่มความเข้าใจ ในขณะที่ชุดใหญ่ก็แข่งตามฟีฟ่า เดย์ ไป ชุด U23 เราก็เก็บตัวตามไปด้วย เพือไม่ให้ชน หาเด็กเกรด ดี ซี บี พัฒนาเขาให้ขึ้นมาอีกระดับ เด็กเกรดเอ อาจจะไปชุดใหญ่เพิ่มกระดูก และพยายามหาตัวทดแทน หากเด็กเกรดเอ เจ็บ มีเด็กเกรด บี ซี ดี มาทดแทน

การเตรียมการเรืองตาราง รีบวางผังไทยลีก ไม่ให้ทับซ้อนกับ ซีเกมส์ หากเราจะเอา เอเชียนเกมส์ อีก หรือชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกอีก ทำอย่างไรให้มันลงรอย ให้เด็กไม่กรอบเกินไป

การตกรอบไม่ใช่เรื่องน่ายินดี แต่เราควรพอแล้วกับคำว่าได้ประสบการณ์ เพราะหากสุดท้าย เราไม่เอาประสบการณ์ มาพัฒนาตัวเอง สุดท้าย มันก็แค่คำพูด มันไม่ใช่เด็กที่ต้องปรับ แต่ทุกอย่างต่างก็ต้องปรับ ไม่อย่างนั้นเราก็คงพายเรือวนในอ่าง และโฟกัส แค่ในซีเกมส์ กับ ชิงแชมป์อาเซียน เป็นพอ

buaksib sport newsbuaksib sport news