ทำความรู้จักข้อมูลโดยทั่วไปของสโมสร เอสเตกฮลัล
เอสเตกฮลัล คือสโมสรยักษ์ใหญ่ของอิหร่าน ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงอย่างเตหะราน และเป็นเจ้าของสนามเหย้า อาซาดี้ สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ที่มีความจุมากถึง 78,116 ที่นั่ง แถมครั้งหนึ่งยังมีความจุมากถึง 100,000 คน มาแล้ว ซึ่งแม้ช่วงระหว่างปี 2013-2020 พลพรรค “บลูบอยส์” จะต้องเผชิญหน้ากับสุญญากาศที่ร้างราความสำเร็จอย่างแชมป์ลีกไปนาน แต่การเข้ามาของอดีตลูกหม้อเก่าอย่าง ฟาร์ฮัด มาจิดี้ ที่เคยค้าแข้งกับสโมสรช่วงระหว่างปี 1997-2000, 2007-11 และ 2012-13 ก็นำพาพวกเขากลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 2021/22 แถมยังเป็นแชมป์ประวัติศาสตร์ที่ไม่พ่ายแพ้ใครเลยตลอด 30 เกมลีก
เอสเตกฮลัล ในอดีตที่ผ่านมา
เริ่มแรก โดชาร์เคห์ ซาวาราน ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 1945 เพื่อเป็นคลับสำหรับคนรักจักรยาน ภายใต้การนำของ ปาร์วิซ คอสราวานี่ (ผู้จัดการทีมคนแรก), อัสการ์ นาวาบ (ช่างซ่อมจักรยาน), เอนายาต จานานปูร์ (เจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาแห่งชาติ), มีร์ซาอี (ช่างไม้) และ คาชาอี (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธนาคาร) กระทั่งปี 1946 จึงหันมารวมทีมฟุตบอลเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเตหะรานฟุตบอลลีก และผ่านไปเพียงปีเดียวพวกเขาก็คว้าแชมป์เตหะราน ฮัซฟี่ คัพ 1947 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าชัยชนะดังกล่าวทำให้สโมสรเดินหน้าสร้างทีมอาชีพอย่างจริงจัง ปี 1949 มีการเปลี่ยนมาใช้ชื่อ เอสเตกฮลัล และกลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอิหร่าน มีผู้เล่นเท้าดีมากมายช่วยเข้ามายกระดับความสามารถของทีมให้สูงขึ้นในแต่ละปี โดยเฉพาะ อิราจ ดานาอีฟาร์ด ที่พาทีมไปไกลถึงแชมป์เอเชีย 1970 และยังเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงให้ อิหร่าน ได้ในฟุตบอลโลกอีกด้วย ในศึกอาร์เจนตินา 1978 นั่นคือรากฐานในอดีตที่ช่วยปูทางให้สโมสรแห่งนี้ก้าวมายิ่งใหญ่เฉกเช่นปัจจุบัน พร้อมทั้งกลายมาเป็นแชมป์อิหร่านในฤดูกาลล่าสุด 2021/22
รายชื่อโค้ชและผู้เล่นของทีม เอสเตกฮลัล
ผู้รักษาประตู
- ฮอสเซน ฮอสเซนี่ (อิหร่าน)
- ซิน่า ซาอีดิฟาร์ (อิหร่าน)
- อลิเรซ่า เรซาอี (อิหร่าน)
กองหลัง
- ซาเลห์ ฮาร์ดานี่ (อิหร่าน)
- โมฮัมหมัด ฮอสเซน โมรัดมานด์ (อิหร่าน)
- อาเรฟ โกลามี่ (อิหร่าน)
- โมฮัมหมัด ฮอสเซนี่ (อิหร่าน)
- จาฟาร์ ซัลมานี่ (อิหร่าน)
- อาโบลฟาเซิ่ล จาลาลี่ (อิหร่าน)
- ราฟาเอล ซิลวา (บราซิล)
กองกลาง
- รูซเบห์ เชชมี่ (อิหร่าน)
- ซาอิด เมห์รี่ (อิหร่าน)
- เมห์ดี้ เมห์ดิปูร์ (อิหร่าน)
- โซเบอีร์ นิคนาฟส์ (อิหร่าน)
- เรซ่า มีร์ซาอี (อิหร่าน)
- โอมิด ฮาเมดิฟาร์ (อิหร่าน)
- อามิราลี่ ซาเดกี (อิหร่าน)
- อาซิซเบ็ค อาโมนอฟ (อุซเบกิสถาน)
- ซ็อบฮาน คากานี่ (อิหร่าน)
- โมฮัมหมัด ฮอสเซน ซาวารี่ (อิหร่าน)
- อาราช เรซาวานด์ (อิหร่าน)
กองหน้า
- ซายจาด ชาห์บัซซาเดห์ (อิหร่าน)
- อาร์ตูร์ ยามก้า (ฝรั่งเศส)
- เปย์มาน บาบาอี (อิหร่าน)
- อาร์มาน ราเมซานี่ (อิหร่าน)
- อาร์ซาลัน โมตาฮารี่ (อิหร่าน)
– คาเวห์ เรซาอี (อิหร่าน)
เฮดโค้ช
ริคาร์โด้ ซา ปินโต้ (โปรตุเกส)
ผู้ช่วยโค้ช
รุย โมต้า (โปรตุเกส)
คอสโร่ เฮย์ดารี (อิหร่าน)
โค้ชผู้รักษาประตู
เบห์ซาด โกลัมปูร์ (อิหร่าน)
แพทย์สโมสร
โมฮัมหมัด อาบาดี้ (อิหร่าน)
โค้ชฟิตเนส
เปาโล ปิเรส ซานโต๊ส (โปรตุเกส)
ผู้จัดการทีม
บิจาน ตาเฮรี่ (อิหร่าน)
นักวิเคราะห์สถิติ
เจา อาบรู (โปรตุเกส)
ประสานงาน
เปโดร กีรอส (โปรตุเกส)
ผู้จัดการอคาเดมี
อาราช บอร์ฮานี่ (อิหร่าน)
โค้ชทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
อาราช บอร์ฮานี่ (อิหร่าน)
โค้ชทีมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี
เซียวาช อัคบาร์ปูร์ (อิหร่าน)
โค้ชทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
เซโบ ชาห์บาเซียน (อิหร่าน)
โค้ชทีมรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี
อามิน มานูเชห์รี (อิหร่าน)
ผลงานในแมตช์ล่าสุดที่ผ่านมา
ศึกเปอร์เซียน กัลฟ์ โปร ลีก 2022/23 จะเปิดฤดูกาลในวันที่ 11 สิงหาคม 2022 ซึ่งนับตั้งแต่ปิดซีซั่น 2021/22 เมื่อ 20 มิถุนายน 2022 ยังไม่มีข่าวคราวหลุดออกมาว่า เอสเตกฮลัล เดินสายไปเก็บตัวพรีซีซั่นหรือลงอุ่นเครื่องกับสโมสรใดบ้าง ดังนั้น แมตช์ล่าสุดของพวกเขาจึงเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2021/22 ที่พวกเขาเปิดบ้านเสมอ นาฟต์ เอ็มไอเอส ด้วยสกอร์ 0-0 อันเป็นเกมที่ลูกทีมของ ฟาร์ฮัด มาจิดี้ (กุนซือคนเก่า) สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์แบบไร้พ่ายได้สำเร็จ
ผลงานความสำเร็จของสโมสร เอสเตกฮลัล
แชมป์ลีกอิหร่าน 9 สมัย: 1970/71, 1974/75, 1989/90, 1997/98, 2000/01, 2005/06, 2008/09, 2012/13 และ 2021/22
แชมป์อิหร่านคัพ 7 สมัย: 1976/77, 1995/96, 1999/2000, 2001/02, 2007/08, 2011/12 และ 2017/18
แชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย: 1970 และ 1990/91
ผู้เล่นทรงคุณค่าที่ดีที่สุดของทีม
อาร์ตูร์ ยามก้า คือผู้เล่นที่น่าจับตามองมากที่สุดของ เอสเตกฮลัล ในฤดูกาล 2022/23 หลังกระหน่ำตาข่ายไป 10 ประตู จาก 27 เกม ช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก 2021/22 มาครองได้สำเร็จ แถมชีวิตและเส้นทางการค้าแข้งก็น่าสนใจมาก ๆ เพราะดาวเตะวัย 26 ปี แม้จะเกิดที่ปารีส, ฝรั่งเศส ทว่าต้องเก็บข้าวของไปไล่ตามความฝันที่อิตาลี กับ คิเอโว่ เวโรน่า ที่สำคัญยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับเล่นแบบยืมตัวให้ โรบูร์ เซียน่า, อาเรซโซ่, คาร์ปิ, เปสคาร่า และ ชาโตรูซ์ กระทั่งไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ พร้อมย้ายไปค้าแข้งกับ อาเวส ในโปรตุเกส และ เวจเล่ ในเดนมาร์ก จนสุดท้ายมองไม่เห็นโอกาสประสบความสำเร็จในยุโรป จนเลือกย้ายมาโกยเงินในตะวันออกกลางกับ เอสเตกฮลัล สถานที่ที่ช่วยให้แจ้งเกิดได้สำเร็จ และได้ลิ้มรสความสำเร็จเหมือนอย่างเช่นคนอื่นเขาบ้าง
สามารถดูแมตช์แข่งขัน และ รายงานผลสกอร์สดของ เอสเตกฮลัล ได้ที่ใดบ้าง?
เปอร์เซียน กัลฟ์ โปร ลีก ไม่ได้เป็นเวทีการแข่งขันที่สนใจของแฟนบอลชาวไทยมากนัก เอาแค่ผู้คนในฝั่งตะวันตกออกกลางก็ดูเหมือนจะตื่นตาตื่นใจกับลีกเพื่อนบ้านอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์ หรือ ซาอุดีอาระเบีย มากกว่า เมื่อพิจารณาจากการทุ่มเม็ดเงินกวาดสตาร์ชื่อดังมากมายมาวาดลวดลายในสนาม แต่สิ่งที่น่าสนใจของฟุตบอลลีกอิหร่านคือผู้เล่นท้องถิ่นที่จะเป็นอนาคตของทีมชาติ พวกเขาเหล่านี้มีดีเอ็นเอเชิงลูกหนังที่เป็นเอกลักษณ์ในเรื่องเทคนิคความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งหากคุณเป็นหนึ่งในแฟนบอลที่ต้องการชมและเชียร์ เอสเตกฮลัล รวมถึงติดตามข่าวสารของสโมสรในทุกมิติ ก็สามารถที่จะเสพทุกเรื่องราวผ่าน เว็บไซต์บวกสิบ ได้
ข่าวล่าสุดที่น่าสนใจของสโมสร
การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชของ เอสเตกฮลัล ถือเป็นอะไรที่สร้างความฮือฮาแก่สาวก “บลูบอยส์” เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากกุนซือคนเก่าอย่าง ฟาร์ฮัด มาจิดี้ จะเป็นผู้นำทีมกลับมาคว้าแชมป์ลีกในรอบเกือบ 10 ปีแล้ว ยังเป็นแชมป์ไร้พ่ายที่ยากยิ่งจะหาใครที่ดีกว่ามารับไม้ต่อ ที่สำคัญเจ้าตัวยังเป็นอดีตลูกหม้อของสโมสรที่ค้าแข้งมาอย่างยาวนาน หลังแขวนสตั๊ดในปี 2013 ก็เสียสละร่ำเรียนงานโค้ช และเข้ามารับงานที่สโมสรตั้งแต่ปี 2018 และมีถึง 3 ช่วงเวลาที่ต้องการก้าวมาคุมทีมแบบขัดตาทัพ กระทั่งได้รับโอกาสอย่างจริงจังในฤดูกาล 2021/22 พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ได้ทันที ซึ่งการแยกทางทำให้เจ้าตัวเลือกย้ายไปกุมบังเหียน อัล-อิตติฮัต คัลบา ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนผู้มาใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ริคาร์โด้ ซา ปินโต้ อดีตหัวหอกสปอร์ติ้ง ลิสบอน และทีมชาติโปรตุเกส ที่ประวัติการคุมทีมยาวเป็นห่างว่าว ไล่ตั้งแต่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน, เรด สตาร์ เบลเกรด, โอเอฟไอ เกรเต้, อโตรมิตอส, เบเลเนนเซส, อัล ฟาเตห์, อโตรมิตอส, สต็องดาร์ ลีแอจ, ลีเกีย วอร์ซอว์, สปอร์ติ้ง บราก้า, วาสโก ดา กาม่า, กาเซียนเต็ป และ โมเรเรนเซ่ ซึ่งนี่คือการย้ายมายังเอเชียเป็นหนที่ 2 ของเจ้าตัว พร้อมเลือกเซ็นสัญญา 2 ปี กับ เอสเตกฮลัล ภายใต้ความคาดหวังที่สูงลิ่ว