ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในเกมลูกหนัง บิ๊กทีมยังต้องมาดิ้นรนหนีตกชั้น อย่างสโมสร “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี จากทีมลุ้นแชมป์ ต้องหล่นมาอยู่โซนอันตรายท้ายตารางในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 แม้จะมีการปรับเติมเสริมทัพและทุ่มทุนสร้างขุมกำลัง แต่กระนั้นผลงานของทีมกลับน่าผิดหวัง
“เสี่ยเหน่ง” ศุภสิน ลีลีลาฤทธิ์ รองประธานสโมสรบางกอกกล๊าส รู้ซึ้งถึงปัญหาดี หลังผลงานของ “บีจี” ในฤดูกาลนี้ 22 นัดผ่าน พบกับความพ่ายแพ้ไปแล้วถึงครึ่งหนึ่ง 11 เกมพอดี ทำให้ยังจมอยู่อันดับที่ 15 จาก 18 ทีม โดยล่าสุดบุกไปแพ้น้องใหม่อย่าง “พีที ประจวบ เอฟซี” 0-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
“เราประเมินเกมของทีมว่าเป็นสามวันดีสี่วันไข้ บางวันเราทำเกมได้ดี ยิงประตูได้ถล่มทลาย แต่บางเกมเราทำไม่ได้เลย แม้เกมจะดี แต่จบสกอร์ไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่พอทำได้ในตอนนี้คือการกระตุ้นนักเตะและทำให้นักเตะมีสมาธิกับเกมแข่งขันให้มากขึ้น”
โดยผลงาน 5 นัดของเลกสองที่ผ่านมานั้น บางกอกกล๊าส สามารถคว้าชัยชนะได้เพียงแค่เกมเดียวคือ แมตช์เปิดบ้านถล่ม ชลบุรี เอฟซี 7-4 ขณะที่อีก 4 นัดเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ราชนาวี เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี และ พีที ประจวบ เอฟซี ปรากฏว่า บีจี แพ้เรียบวุธ รวมถึงตกรอบฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ หลังพ่ายในช่วงต่อเวลาให้กับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
อย่างไรก็ตาม รองประธาน บีจี ยังคงเชื่อมั่นในโอกาส “รอด” มากกว่า “ร่วง” เมื่อมองเส้นทางการแข่งขันที่ยังเหลืออีก 12 นัด ต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาสให้ได้
“ตอนนี้เราจะท้อจะถอยไม่ได้ จะก้มหน้าอีกไม่ได้ เราต้องลุยและสู้เท่านั้น เพราะสถานการณ์ที่เราเจอตอนนี้ยอมรับว่าเป็นแรงกดดันที่หนักมาก กับ 12 นัดที่เหลือ เราต้องหาจุดบกพร่องให้เจอและแก้ไข เพื่อให้เราผ่านพ้นสถานการณ์แบบนี้ไปให้ได้”
“เสี่ยเหน่ง” ยังบอกว่า “สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ กำลังใจจากแฟนบอล ขอให้แฟนๆ ช่วยเชียร์และสนับสนุนสโมสรต่อไป ซึ่งสโมสรขอสัญญาว่าจะเร่งแก้ปัญหาเพื่อนำพาสโมสรบางกอกกล๊าส กลับไปสู่จุดที่เป็นเป้าหมายและตอบโจทย์ความคาดหวังของแฟนบอล”
สำหรับเกมนัดต่อไปในลีก บีจี ต้องไปเยือน พัทยา ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นนัดที่ต้องจับตาว่า “เครื่องจักรสีน้ำเงิน” จะแก้จุดอ่อนของตัวเอง และพลิกสถานการณ์เก็บ 3 แต้ม เพื่อหลุดให้พ้นโซนตกชั้นได้หรือไม่
ขอขอบคุณ : ช้างศึก
