ข่าวฟุตบอล ไทยลีกญี่ปุ่นโมเดล!! บิ๊กอ๊อด นำประชุมสโมสรไทยลีก 1 และ 2 พัฒนาฟุตบอลไทย
buaksib sport news
โพสต์รูปภาพ
ญี่ปุ่นโมเดล!!
สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดการประชุมร่วมกับสโมสรในระดับ โตโยต้า ไทยลีก (T1) และ M150 แชมเปี้ยนชิพ (T2) สำหรับฤดูกาล 2018 ที่จะเริ่มขึ้น

การประชุมในครั้งนี้นำโดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย คุณ ลัขณานันท์ ลักษมีธนานันต์ อุปนายกฝ่ายบัญชีและการเงิน, คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ, เบนจามิน ตัน รองประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด, คุณ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน, สโมสรสมาชิกในระดับ T1 จำนวน 16 สโมสร และ T2 จำนวน 6 สโมสร

สำหรับหัวข้อสำคัญในการประชุมครั้งนี้ประกอบไปด้วย
1. เงินสนับสนุนประจำฤดูกาล 2561
2. โครงการ FA Development Programme
3. การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนผู้ตัดสิน VAR & AAR
4. ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ผ่านระบบออนไลน์ Live Streaming
5. การเลื่อนชั้น ตกชั้นของ ไทยลีก 2 (M150 แชมเปี้ยนชิพ)
6. การเก็บตัวของทีมชาติไทยชุดใหญ่
7. โครงการพัฒนาเยาวชน
8. ทีมไทยลีก 1 (โตโยต้า ไทยลีก) และ ไทยลีก 2 (M150 แชมเปี้ยนชิพ)

ภายในงาน พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ปัจจุบัน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีสัญญาบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)

ซึ่งทางทรูได้ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด และในการผลิตคอนเทนต์เป็นเวลา 1 ปี ขณะที่ไฮไลท์การแข่งขันต่างๆนั้น ทางสโมสรสามารถนำไปใช้ โปรโมต หรือ พีอาร์สโมสร สัญญานี้

รวมถึง ลิขสิทธิ์ของโซเชียล มีเดีย และ ออนไลน์ แต่ปัจจุบัน รูปแบบของธุรกิจเปลี่ยนไป เริ่มจากญี่ปุ่นก่อน คือเขาแยกแพ็คเกตไป ทีวีเป็นทีวี ออนไลน์เป็นออนไลน์

เนื่องจากการบริโภคข่าวสารของคนบนโลกนี้เปลี่ยนไป คนทำงาน บนถนน หรือที่ต่างๆ ที่จะไม่สามารถเข้าถึงทีวี ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปดูสื่อออนไลน์

จึงทำให้สื่อออนไลน์มีมูลค่าสูงกว่าทีวี เห็นได้ชัดจากญี่ปุ่น ว่าการประมูลสื่อออนไลน์ ในราคา 3,600 ล้านบาท ด้านมาเลเซีย มีมูลค่า 1,300 ล้านบาท”

“ตอนนี้ผมกำลังให้ฝ่ายต่างประเทศให้นำรูปแบบของญี่ปุ่น และ มาเลเซีย มาปรับใช้ เราคาดหวังว่าถ้าเป็นไปตามที่เราคิดหรือการเปลี่ยนแปลงของการเสพสื่อ ซึ่งใหญ่กว่ามาเลเซีย

เราน่าจะมีรายได้เข้ามาในสมาคมฯ มากขึ้น เมื่อรายได้มากขึ้นก็จะทำให้เงินสนับสนุนแต่ละสโมสรจะมีมากขึ้น หวังว่าสิ่งที่เราทำ จะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ผมพยายามหารายได้เข้าสมาคมฯ

เพื่อกลับไปสู่สโมสร และ พัฒนาฟุตบอลไทย เราต้องทำให้มีศูนย์ฝึกฟุตบอลครบทุกภาคในอนาคต มิฉะนั้น เราคงถูกเพื่อนบ้านเราแซงหน้า หรือไม่สามารถพัฒนาฟุตบอลไทยให้เทียบชั้นเอเชียได้”

“สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ทุกท่านต่างมีส่วนในการตัดสินใจ ในการทำให้วงการฟุตบอลไทย เป็นศูนย์กลางอาเซียนให้ได้ นับตั้งแต่สมาคมฯ ได้ดำเนินการแก้ไขเรื่องล็อคผลการแข่งขัน

ก็เป็นที่ประจักษ์และยอมรับจากทั่วโลก ทั้งฟีฟ่า ที่ส่งคำชมเชยมา รวมถึงประเทศต่างๆในเอเชีย และ อาเซียน ก็เดินตามเรา อาทิ สปป. ลาว ที่ได้มีการจับนักกีฬาล้มบอลจำนวน 20 คน

ซึ่งคนหนึ่งเล่นในไทยลีก 4 ของไทย รวมทั้งนักกีฬา, ผู้ตัดสิน, เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็ต้องพิจารณา เพราะว่าคดีเป็นแค่ข้อกล่าวหา ยังไม่สิ้นสุด หากท่านนำคนเหล่านั้นเข้าสู่ทีม ทางเราก็เคารพการตัดสินใจ”

“หลังจากที่ไทยดำเนินการเรื่องล็อคผลบอล ทำให้ประเทศอื่นๆ มองว่าประเทศไทยพยายามแก้ไขปัญหา และไทยลีกน่าจะบริสุทธิ์ ยุติธรรมมากขึ้น และให้ความเป็นธรรมแก่เขา

จึงมีสโมสรหลายสโมสรในอาเซียน ประสานงานว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะขอเข้ามาร่วมแข่งขันในไทยลีกของเรา เราอาจจะมีการแก้ไขสัดส่วนของอาเซียนมากขึ้น

ท่านต้องคิดว่าลีกไทย ณ วันนี้ มีคนดู 30 ล้านคน โดยประมาณ จาก 70 ล้านคน เราเริ่มมีนักเตะต่างชาติเข้ามา

ยกตัวอย่างเช่นสโมสร โปลิศ เทโร เอฟซี ที่คว้าตัว อ่อง ธู ของเมียนมา น่าจะทำให้ชาวเมียนมาติดตามมากยิ่งขึ้น ของที่ระลึกก็จะขายได้มากขึ้น และหากมีทีมหรือสโมสรในประเทศเพื่อนบ้านมา

เราคิดดูว่า หากเราทำให้ประเทศไทยมีประชากรในอาเซียนที่มีจำนวน 600 ล้านคน ดูได้ มูลค่าลีกของไทยก็จะสูงขึ้น แต่ผมก็ต้องรอการตัดสินใจของท่าน ถ้าผมได้รับการประสานชัดเจนว่าเขาจะมาแน่

เขาอาจจะย้ายจากลีกสิงคโปร์มา ผมก็จะเชิญทุกสโมสร ที่มีอำนาจการตัดสินใจ ว่าเราจะไปทิศทางไหน เราจะเป็นยักษ์ใหญ่ในอาเซียน หรือโฟกัสที่ประเด็นไหน ดูอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ที่มีนักเตะค่าตัวแพงมากมาย ผมเองก็ตั้งใจที่จะทำให้มูลค่าในลีก ที่ปกติตกปีละ 1,000 ล้าน เราก็ตั้งใจที่จะยกระดับเป็น 10,000 ล้านบาท

และสามารถนำเงินมาสร้างสนามฟุตบอลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้โดยไม่ต้องพึ่งภาครัฐหรือเอกชน นี่คือสิ่งที่เราต้องคิดก็ขอฝากไว้ด้วย

หากใครมาทำงานแทนที่ผม ก็อยากให้สานต่อโปรเจคต์นี้ เพราะสิ่งที่เราทำคือเพื่อทุกสโมสร ให้เงินเข้ามาในแต่ละสโมสรมากขึ้น”

“รางวัลแชมป์ 1 ปี อยู่ที่ 10 ล้านบาท อาจจะเพิ่มไปถึง 100 ล้านบาท และจะมีการคว้าตัวนักเตะดังๆจากประเทศอื่นๆเข้ามาเสริมเพิ่มเข้าไป”

Photo : Fair 

buaksib sport newsbuaksib sport news