ศุภชัย ใจเด็ด ยอมรับว่าเขาเฟลไปเป็นปี หลังจากที่โดนใบแดงไล่ออก ในเกมที่ ทีมชาติไทย U23 พบกับ เวียดนาม
ศุภชัย ใจเด็ด ยอมรับว่าตัวเขาเฟลไปเป็นปี หลังจากที่ โดนใบแดงไล่ออกจากสนามในการับใช้ ทีมชาติไทย U23 เมื่อปี 2019
เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ก่อนที่ ศุภชัย จะโดนใบแดงไล่ออกและทีมก็แพ้เวียดนามไป
“เหตุการณ์นั้นก็เป็นบทเรียนราคาแพงของนักกีฬา ในช่วงวัยของผมด้วยตอนนั้น ยังไม่สามารถ ณ ตอนนั้น ไม่ควบคุมสถานการณ์ และอารมณ์ วันนั้นทั้งแฟนบอลเวียดนาม เต็มสนาม สภาวะความกดดันของทีมเราเอง ผลการแข่งขันตอนนั้นด้วย มันบีบไปหมด และเราทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ และจังหวะที่เราโดนยั่วยุ โดนกระแทก มันก็เลยทำให้ผมหลุด หรือทำอะไรที่ไม่ดีออกไป” ศุภชัย กล่าว
“ตอนนั้นแย่มาก อย่างที่ทุกคนเห็นในภาพ พอทุกอย่างมันเกิดขึ้นก็ได้แต่ ขอโทษแฟนบอล ขอโทษเพื่อนร่วมทีม เข้ามาด้วยความพ่ายแพ้ในห้องแต่งตัว ผมก็ร้องไห้ขอโทษเพื่อนร่วมทีม ที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่กว่าเดิม ตอนนั้นก็รู้สึกแย่มาก และเสียใจกับเหตุการณ์มาก ผมแทบก้มกราบในสนาม ในจังหวะที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ตั้งใจให้เหตุการณ์เกิดขึ้น มันเหมือนน็อตตัวหนึ่งที่หลุดไปในเสี่ยววินาที”
“วันที่นั่งอยู่ตรงกลางสนาม พ่อเน ก็เรียกเราเข้าไปคุย ว่าเห้ยไออาร์ม กลับมาที่สโมสรบุรีรัมย์ ที่นี่คือบ้านมึง กลับมาบ้านเรา ทำงานที่บ้านเรา พยายามลืมเรื่องพวกนั้นไป อย่าไปอ่านคอมเมนต์ อย่าไปอ่านโซเชียล ยังมีเพื่อนๆในทีม ยังมีพ่อ แม่ ที่ดูแลเอ็ง นี่คือสโมสรของเอ็ง สโมสรของเราจะปกป้องกัน ก็ให้กำลังใจเรา เดี๋ยวพ่อจะส่งเอ็งลงตัวจริงแมตช์หน้า มึงไปทำให้เขาเห็นมึงสามารถก้าวผ่านตรงนั้นได้”
“หลังจากนั้นก็ยังไม่ปลดล็อค เราก็ใจชื้น ดีใจที่ด้วยวุฒิภาวะ วัยในตอนนั้น เราเข้มแข็งต่อหน้าเขา ต่อหน้าแฟนบอลได้ พอกลับมาในโหมดปกติ อยู่กับตัวเอง กับครอบครัว เราก็ยังมีความรู้สึกในใจที่ยังกังวล คิดมากกับเรื่องที่ผ่านมา เพราะเราเสียใจจริงๆ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ มันเป็นความคาดหวังของประเทศไทย มันใหญ่มากสำหรับมผ มันก็ใช้เวลานาน”
“กลับมาเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ มีปีนึง เพราะว่าอย่างที่เห็น ฟอร์มของผมกับบุรีรัมย์ ช่วงแรกก็ไม่ดี เราเล่นตำแหน่งกองหน้าแต่ยิงได้แค่นั้น มันก็ไม่สามารถตอบอะไรแฟนบอลได้ คนที่วิจารณ์ว่า สารพัด ทั้งพ่อแม่ แฟนเรา ถ้าพูดถึงตอนนี้การวิจารณ์ หรือมุมมองของแฟนบอลเป็นปกติไปแล้ว เราเข้าใจ เราเจออะไรที่ใหญ่กว่านี้มาแล้ว เราผ่านตรงนั้นและเราสามารถมองข้ามสิ่งเหล่านั้นได้แล้ว การวิจารณ์ฟอร์มการเน ยิงประตูไมได้หลายแมตช์ เป็นเรื่องเล็กๆ ไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่นักฟุตบอลต้องเจอ วิจารณ์ผมในสนามได้ วิจาร์ผมเล่นไม่ดี วิจารณ์ได้ปกติ สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอก อย่างพ่อแม่เรา แฟนเรา เขาก็ไม่ได้แบบมามีส่วนร่วมกับผลและฟอร์มของเรา ก็วิจารณ์ตัวผม ผมไม่มีปัญหา วิจารณ์การเล่นผมไม่มีปัญหา ผมเสียใจมากที่เขาวิจารณ์คนที่เรารักครอบครัวเรา มันก็อีกความรู้สึกหนึ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น วิจารณ์ที่ผมยิงไม่ได้ ผมไม่มีปัญหา”
