กฤษกร กระสายเงิน เล่าเส้นทางงานโค้ชก่อนแจ้งเกิดที่พา บางกอก เอฟซี ล้มยักษ์ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
กฤษกร กระสายเงิน ผู้ฝึกสอน บางกอก เอฟซี เผยผ่าน Thai League 3 – ปุ๋ยรุ่งอรุณ ลีก ถึงเป้าหมายของทีมที่กำลังมีงานหนักรออยู่ในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก และความฝันของตนเองบนเส้นทางโค้ช
โดย “โค้ชโดนัท” ได้เผยว่า “ก่อนเริ่มฤดูกาลที่แล้ว โค้ชชาวเยอรมันของทีม ต้องกลับไปทำงานที่สเปน ทางประธานสโมสร ได้ถามผมว่าสนใจทำหน้าที่โค้ชหรือเปล่า ทำงานกับเพื่อนของผมอีกหนึ่งคนครับ ตอนนั้นผมกำลังเรียน บี ไลเซนส์ ผมก็ใช้เวลาไม่นานครับ ก่อนจะตกลงรับงานใหญ่ตรงนี้”
“ต้องขอบคุณสโมสรครับ ตอนแรกเขาแต่งตั้งเราขึ้นมาทำหน้าที่ชั่วคราวไปก่อน แต่งตั้งเป็นโค้ชคู่เพื่อลดกระแสความกดดัน อย่างน้อยถ้าผลงานไม่ดี ก็จะได้มีการเปลี่ยนแปลง และเราเองก็จะไม่ได้โดนโจมตีเยอะครับ สโมสรพยายามปกป้องเราตรงนี้ก็ต้องให้เครดิตสโมสรครับ”
“ผมเพิ่งจบหลักสูตร เอ ไลเซนส์ มาครับ แต่ก็ยังติดอยู่ 1 ตัว เดี๋ยวจะต้องตามแก้ และไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้ครับ ตอนนี้ก็จบหลักสูตร เอ ไลเซนส์ เรียบร้อยแล้วครับ แน่นอนก็อยากต่อโปร ไลเซนส์ เลยครับ อยากเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อพัฒนาตัวเองและไปต่อครับ จะได้คุมทีมในระดับสูงขึ้นครับ”
“ก็ได้เดินทางไป เวกัลตะ เซนได ครับ ไปดูการฝึกซ้อม ศึกษาดูงาน หนึ่งสัปดาห์ครับ รวมไปถึงแมตช์แข่งขันด้วย ได้ศึกษาเรื่องแทคติก เรื่องรายละเอียดการซ้อม รวมไปถึงพูดคุยกับเฮดโค้ชในช่วงเวลานั้นด้วยครับ ก็เป็นมุมมองใหม่ๆ และได้เห็นระเบียบวินัยของพวกเขาด้วยครับ ได้นำมาปรับใช้ในปีนี้ ก็ได้ผลพอสมควรครับ”
“ทำงานกับ มามาดู โฟฟาน่า ทำงานมาตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนักเตะด้วยกันครับ เขาเป็นนักเตะชาวฝรั่งเศส เป็นนักเตะที่นิสัยดีมาก พอทางสโมสรติดต่อให้เข้ามาเป็นโค้ชก็เป็นโค้ชคู่กัน และทำงานมาด้วยกันอย่างราบรื่น เขาจะหนักในส่วนของฟิตเนส ส่วนผมก็หนักไปทางแทคติก แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยกัน มีไอเดียที่ตรงกัน และคอยซัพพอร์ตกันตลอดครับ”
“เป้าหมายในอนาคตก็พยายามแก้ เอ ไลเซนส์ แล้วจะต่อโปร ไลเซนส์ ให้เร็วที่สุดครับ พัฒนาตัวเอง เป้าหมายสูงสุดคือการไปคุมทีมชาติครับ ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ได้ครับ อีกอย่างคือการคุมทีมใน ไทยลีก 1 หรือถ้ามีโอกาสก็อยากคุมทีมในเจลีกครับ ก็เป็นความฝันเหมือนกันครับ อะไรที่มันสูงๆ ก็พยายามตั้งเป้าหมายไว้ เราจะได้มีความพยายามเพิ่มขึ้นครับ”
“ก็ยากแน่นอนครับ ทุกปี เป้าหมายมันสูงขึ้น เราก็มีความคาดหวังมากขึ้น แต่ก็เชื่อในทีมชุดนี้เราอยู่กันมาเราก็เห็นคุณภาพของนักเตะว่าจะทำผลงานได้ตามที่คาดหวังได้ครับ จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ”
“มันจะมีผลต่อโมเมนตัม ไม่มากก็น้อยครับ ผมเชื่อว่าแมตช์นี้ทำให้นักเตะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และรู้คุณภาพตัวเองมากขึ้นว่าคุณสามารถทำได้มากกว่าที่คุณคิดอะไรแบบนี้ครับ แต่เราก็เตือนนักเตะว่าอย่าไปจมปลักกับแมตช์ที่มันผ่านไปหรือเสียงชื่นชม รู้ว่าตอนนี้มันเป็นไวรัลอยู่ แต่ว่าเรามีงานใหญ่ที่รออยู่ ก็เป้าหมายการเลื่อนชั้น พยายามหาความบาลานซ์ สร้างความมั่นใจ เน้นย้ำไม่ให้นักเตะหลงระเริงไปกับโซเชียลหรือว่าผลงานที่ชนะ บุรีรัมย์ จนเกินไปครับ”
“จริงๆ การปรับตัวกับนักเตะไม่ยากครับ (พูดถึงเรื่องอายุ) ผมรู้จักนักเตะหลายๆ คน อยู่แล้วครับ ผมเป็นโค้ชที่ชอบเข้าหานักเตะ คุยกับนักเตะบ่อย แม้กระทั่งวันไหนที่บางคนไม่ได้ลง แล้วเขาเหมือนจะน้อยใจ ก็จะพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจครับ”
“ในแมตช์ที่แล้ว สิ่งที่ส่งผลสำคัญเลยคือแฟนบอลครับ ทุกคนวิ่งสู้ตายเพราะแฟนบอลครับ ถ้าแชมเปี้ยนส์ลีก มากันขนาดนี้อีก นักเตะวิ่งสู้ตายเพื่อแฟนบอลแน่นอนครับ อยากเชิญชวนมาช่วยซัพพอร์ต เราจะพาทีมกลับไปยังในจุดที่เราเคยอยู่ครับ”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในนัดต่อไปของ บางกอก เอฟซี จะเปิดบ้านพบกับ อ่างทอง เอฟซี ในศึกไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 10 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด
