กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เรื่องการออกใบอนุญาตสโมสร (คลับ ไลเซนซิง) ที่จะมีการเพิ่มหลักเกณฑ์ขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ เช่นเดียวกับระยะเวลาการตรวจสอบ
โดยในส่วนของหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตสโมสร ที่จะเพิ่มขึ้นมาได้แก่ในเรื่องของการวางแผนธุรกิจ และการวางแบงค์การันตี เพื่อให้สโมสรในไทยก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ
นอกจากนี้ยังขยายระยะเวลาการพิจารณาให้ยาวนานขึ้น สำหรับสโมสรที่มีโอกาสเลื่อนชั้นจาก M-150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2) และ โตโยต้า ไทยลีก (ไทยลีก 1) สามารถส่งชื่อได้ล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการขอใบอนุญาตสโมสร ให้ตรงตามหลักเกณฑ์ของ โตโยต้า ไทยลีก ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อีกด้วย
ซึ่งทางด้านของ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวในงาน โตโยต้า มีต เดอะ วอร์ริเออร์ส ว่า “ทางบริษัท ไทยลีก จำกัด ได้จัดงานสัมมนาในการเตรียมตัวทำคลับ ไลเซนซิ่ง หรือใบอนุญาตสโมสร ซึ่งก็จะใช้เวลาสองวันในการอบรม สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในฤดูกาลนี้ คือการเพิ่มหลักเกณฑ์ขึ้นมา 1 เกณฑ์ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องของการวางแผนธุรกิจ โดยเฉพาะทีมในระดับโตโยต้า ไทยลีก หรือไทยลีก 1 ซึ่งเรื่องนี้เป็นแนวทางที่ทาง คุณ เบนจามิน ตัน และ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ได้วางไว้เพื่อให้สโมสรสมาชิกในลีกสูงสุด มีการวางแผนธุรกิจอย่างเป็นรูปแบบ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพอีกระดับ”
“ประเด็นที่สองคือเรื่องของการวางแบงค์การันตีของสโมสร เพื่อป้องกันปัญหา การค้างจ่ายค่าจ้างของนักฟุตบอล ที่เกิดขึ้นกับบางสโมสร ซึ่งตรงนี้เราได้วางวิธีแก้ไขเพื่อช่วยเหลือสโมสรสมาชิก โดยการขอแบ่งเงินสนับสนุน จากเดิมที่เราจะมอบเงินสนับสนุน 3 ครั้ง ให้เป็น 4 ครั้ง ซึ่งสามครั้งแรก เราจะมอบเงินสนับสนุนให้ตามปกติ ส่วนเงินสนับสนุนก้อนสุดท้าย เราจะกันเงินจำนวนนี้ไว้ก่อน และในกรณีที่สโมสรไม่ถูกฟ้องร้องเรื่องการค้างค่าเหนื่อย เราจะนำเงินตรงนี้มอบให้สโมสรก่อนที่การแข่งขันฤดูกาลถัดไปจะเริ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หลายๆสโมสร ต้องหาหลักทรัพย์ หรือ เงินทุนต่างๆ มาเพื่อค้ำประกันในการออกแบงค์การันตี ซึ่งนโยบายนี้น่าจะเป็นปีแรก ซึ่งเราจะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศทุกระดับ”
“ส่วนเรื่องของระยะเวลา ทางสโมสรสมาชิกที่คาดว่ามีโอกาสได้เลื่อนชั้นจาก M-150 แชมเปี้ยนชิพ หรือ ไทยลีก 2 ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุด เราก็จะขอให้ทางสโมสรสมาชิก ได้ส่งชื่อล่วงหน้าเป็นเวลา 4-5 เดือน ในการเตรียมตัวขอใบอนุญาตสโมสร ให้ตรงกับหลักเกณฑ์ของโตโยต้า ไทยลีก ล่วงหน้า ทั้งเรื่องของสนาม, บุคลากร และเรื่องอื่นๆ”
“เช่นเดียวกับทีมในระดับ โตโยต้า ไทยลีก ที่คิดว่าตัวเองมีโอกาสคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ต้องเตรียมเรื่องคลับ ไลเซนซิงให้พร้อม โดยสาเหตุที่เราออกนโยบายนี้มานั้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเรื่อง คลับ ไลเซนซิง รวมถึงให้ทุกสโมสรมีระยะเวลาในการเตรียมตัวมากกว่าเดิม”
ส่วนทางด้านของ คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศและโฆษกสมาคมฯ ได้ชี้แจงเสริมว่า “สาเหตุที่เราเพิ่มเกณฑ์เรื่องการวางแผนธุรกิจ เพราะว่าวัตถุประสงค์หลักของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ในการมีใบอนุญาตสโมสรคือการเข้าร่วมการแข่งขันของเขาเท่านั้น แต่ทีมในไทยลีก เกณฑ์ตรงนี้ถือว่าสำคัญ เพราะมันคือการวางแผนระยะยาว ว่าธุรกิจฟุตบอลของสโมสรคุณจะมีทิศทางอย่างไร มีการวางแผนจัดกิจกรรม การประสานงานกับแฟนบอลเป็นอย่างไรบ้าง เป็นต้น”
“เกณฑ์ด้านการวางแผนธุรกิจ มันเกี่ยวข้องกับทุกอย่างทั้งเรื่องการตลาด การเงิน การทำแผนต่างๆ มีภาพลักษณ์ เป้าหมายเชิงธุรกิจทุกๆ อย่าง เพราะฟุตบอลไม่ได้มีแค่นักฟุตบอล, สนาม, ฝ่ายกฏหมายการเงินเท่านั้น เพราะการสร้างทีมระยะยาวต้องมีแผนงานอย่างชัดเจน”
“ส่วนเรื่องการขยับเดดไลน์ในการทำคลับ ไลเซนซิง ให้เริ่มทำตั้งแต่เนิ่นๆ นั้น ก็เป็นเหมือนกับการบ้าน 5 วิชา เราก็จะมีแบ่งเป็น 5 ช่วง เพื่อไม่ให้ไปหนักในช่วงหลังจบฤดูกาลอย่างเดียว ทำให้สโมสรสามารถโฟกัสเรื่องต่างๆได้ตามเหตุการณ์ และไม่ให้เกิดความล่าช้าในการทำใบอนุญาตสโมสร นอกจากนี้ยังสามารถจัดสรรการทำงานได้ง่ายขึ้นสำหรับสโมสรสมาชิกทุกสโมสรด้วย