ข่าวฟุตบอล“โสภณวิชญ์ รักญาติ” รับใบแดงที่ซีเกมส์ ทำให้โตขึ้น
โสภณวิชญ์ รักญาติ

โสภณวิชญ์ รักญาติ ยอมรับว่า ใบแดงที่ ซีเกมส์ มีส่วนทำให้เขาเติบโตมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และจะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไป

โสวณวิชญ์ รักญาติ ยอมรับว่าการโดนใบแดงที่ ซีเกมส์ เป็นเรื่องที่หนักมากสำหรับตัวเขา แต่ก็ทำให้เขาเติบโต และต้องพยายามพัฒนาตัวตัวเองต่อ

สำหรับ โสภณวิชญ์ เคยถูกไล่ออกในนัดชิงซีเกมส์ จนโดนแบนยาวและกลับมาเป็นมือหนึ่งทีมชาติไทย U23 อีกครั้ง

“แมตช์นั้น(ซีเกมส์ 2023 นัดชิงชนะเลิศ) เป็นแมตช์ที่ผมจำไม่ลืมเลยครับ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิด มันรู้สึกแย่กับตัวเอง จริงๆเราควรจะได้แชมป์ สิ่งที่ผมทำลงไปมันส่งผลกับทุกคนในทีม จบเกมวันนั้นผมมานั่งทบทวนกับตัวเอง ว่าผมทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร มันได้อะไรขึ้นมา ผมยอมรับว่าผมเป็นคนอารมณ์ร้อน เดือดได้ง่ายๆเหมือนกัน แต่วันนั้นด้วยอะไรหลายๆอย่าง บรรยากาศในเกม ในสนาม ความกดดันต่างๆ” เทป กล่าว

“ตอนที่ผมรู้สึกตัวจริงๆคือตอนโดนใบแดง ผมเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว ผมนั่งอยู่กับตัวเองนิ่งๆคนเดียว ได้แต่คิดว่าผมทำไปทำไมวะ เพื่อนก็เหนื่อยกันมากอยู่แล้ว จะโกรธมันก็มีโกรธอยู่บ้าง แต่สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวผมตอนนั้นคือ ผมโคตรรู้สึกผิดเลย ผมคิดได้ทันทีในวันนั้น ผมโทษตัวเองในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอผมกลับมาจากกัมพูชา ผมไม่จับโทรศัพท์เลย เลิกเล่นโซเชียลทุกอย่างเป็นเดือนสองเดือน ใช้ชีวิตอะไรก็มีแต่เรื่องนี้อยู่ในหัว มันกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวผมแบบไม่มีวันลืม ซึ่งตอนนั้นเรื่องบทลงโทษผมพร้อมรับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ผมผิดจริงๆครับ”

“แฟนผมก็ไม่พูดอะไรกับเรื่องนี้ แต่เขาคือคนสำคัญของผมในการที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นในทุกๆวัน เขาคอยให้กำลังใจผม บอกให้สู้ใหม่ อย่าไปจมกับอดีตที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดจะเลิกเล่นเลยครับ ผมตีเรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ราคาแพงมาก และในเมื่อผมจ่ายค่าบทเรียนนี้ไปด้วยชีวิตการค้าแข้งของผมแล้ว ผมจะใช้มันให้คุ้มค่า ผมจะเก็บมันไว้ข้างๆตัวผมตลอด ไม่ใช่ว่าให้มามีผลกระทบนะครับ แต่เราจะได้รู้ว่าบทเรียนนี้มันสอนเรามาหมดแล้ว เราจ่ายให้บทเรียนนี้ไปเยอะมากแล้ว และเราจะต้องโตขึ้นใหม่ด้วยบทเรียนราคาแพงชิ้นนี้”

“บทเรียนที่ได้คือ เราต้องควบคุมอารมณ์ มีสมาธิอยู่กับเกม ฟังดูแล้วมันเป็นเรื่องที่เบสิคนะ แต่เราเคยพลาดไปแล้ว การที่ผมจะทำสองสิ่งนี้มันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตผมหลังจากนี้ ตอนนี้ถ้ามีจังหวะไหนที่มีการกระทบกระทั่งกัน ทั้งกับเพื่อนร่วมทีม หรือตัวผมเอง ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเลย ขอหันหน้าเข้าหาตาข่ายหลังโกล์ตัวเองดีกว่า (สีหน้าดูจริงจังมากแม้จะเป็นการพูดแบบติดตลก)”

“ผมมั่นใจสุดๆว่าผมทำได้ ผมผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว ใครจะมายั่วผมก็มาเถอะ ผมหนีดีกว่า ดีไม่ดีผมจะเป็นคนไปลากเพื่อนผมออกมาเองด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องความมั่นใจ ยอมรับว่าช่วงแรกที่ลงสนามกับสโมสร หลังเหตุการณ์นั้น 2 เดือน มันก็มีผลเล็กน้อย แต่ผมไม่ยอมแพ้นะ มีโอกาสไหนที่ยื่นเข้ามาผมเอาหมด ไม่ได้ลงไม่เป็นไร ผมแค่รู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และเมื่อโอกาสมาถึงผมจะคว้าไว้เลย”

“ผมต้องขอบคุณผู้ใหญ่จริงๆที่ยังเห็นศักยภาพในตัวผม พอได้กลับมาแล้วมันตื่นเต้น เราได้กลับมาทำเพื่อชาติ เราต้องทำให้ดีกว่าเดิม ช่วงที่ผ่านมาผมเสียดายมากในทุกทัวร์นาเมนต์ เรากำลังกอบโกยด้วย พอกลับมาได้ผมต้องการลบภาพที่ไม่ดีทุกอย่างจากแฟนบอล ผมได้แต่บอกตัวเองว่าผมทำได้ ได้เป็นกัปตันทีมอีก ยิ่งไปกันใหญ่เลยทีนี้ เรายิ่งท้าทายไปมากกว่าเดิม เราต้องเป็นผู้ใหญ่ นำเพื่อนร่วมทีม โค้ชสาม (ประสิทธิ์ น่วมศาลา โค้ชผู้รักษาประตู) ก็ย้ำให้เราโฟกัสแค่ในสนาม เขาไม่ได้พาเรากลับไปคิดถึงจุดเดิม แต่ให้เราเดินหน้าและพัฒนาเราด้วยเรื่องในสนามเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมีสมาธิมากในการซ้อมและการลงเล่น”

“อย่างแรกคือผมขอโทษแฟนบอลชาวไทยทุกคน ผมรู้ว่าผมคือต้นเหตุความผิดหวัง ความเสียใจที่ผ่านมา แต่หลังจากนี้ผมจะทำให้เห็นว่าผมคนใหม่เป็นอย่างไร ผมมีเป้าหมายร่วมกับทีม และผมจะทำอย่างเต็มที่ในทุกโอกาสที่ได้รับ ไม่ว่ากับสโมสรหรือทีมชาติ แต่ตอนนี้ผมต้องการตั๋วไปโอลิมปิก และผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้ได้มันมาครับ”